วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักข่าว เอพี ของสหรัฐ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา รอดพ้นจากการถูกถอดถอน หรือ อิมพีชเมนต์แล้ว ตามความคาดหมาย จากการที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาสูง

ส่งผลให้มติที่ออกมา 52 ต่อ 48 ตัดสินให้นายทรัมป์พ้นผิดจากข้อกล่าวหาใช้อำนาจในทางมิชอบ กรณียุยงและข่มขู่ให้รัฐบาลยูเครนสอบสวนเอาผิดนายโจ ไบเดนคู่แข่งทางการเมืองของตนเอง และมติ 53 ต่อ 47 ให้พ้นข้อกล่าวหาขัดขวางการสอบสวนของสภาคองเกรส

มติดังกล่าวห่างไกลจากเสียง 2 ใน 3 ที่จะตัดสินให้ผู้นำมีความผิดและถอดถอนประธานาธิบดีได้ และทำให้นายทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐคนที่ 3 ที่รอดพ้นการถูกอิมพีชเมนต์ ต่อจากนายบิล คลินตัน และนายแอนดรูว์ จอห์นสัน สองประธานาธิบดีในอดีต และสรุปแล้วในประวัติศาสตร์ทางการเมืองสหรัฐ ไม่มีใครเคยถูกสภาสูงลงมติถอดจากตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม การลงติครั้งนี้มีประเด็นฮือฮาที่นายมิตต์ รอมนีย์ สมาชิกคนดังของพรรครีพับลิกัน ลงคะแนนสวนสมาชิกภายในพรรค ในมติที่กล่าวหานายทรัมป์ใช้อำนาจในทางมิชอบ โดยนายรอมนีย์ให้เหตุเผลว่าต้องโหวตเช่นนี้ เพราะความศรัทธาในการกล่าวคำสาบานต่อพระเจ้า

นอกจากนี้ ผลการตัดสินดังกล่าวเป็นผลมาจากกระบวนการที่กินเวลานานหลายเดือน จากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯ จากพรรคเดโมแครต ถึงนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ประธานวุฒิสภา พรรครีพับลิกัน และแสดงถึงความแตกแยกในการเมืองสองขั้วอย่างชัดเจน