คุยกับ ‘กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ’ : “จะหมั่นไส้ก็ได้นะ แมร์ไม่ว่า”

“จะหมั่นไส้ก็ได้นะ แมร์ไม่ว่า” กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ

ประโยคอันเป็นที่มาชื่อเรื่องนั้น ปรากฏขึ้นในช่วงหนึ่งระหว่างการคุยกันของกาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ กับมติชนสุดสัปดาห์

ส่วนเหตุผลว่าทำไม เพราะอะไร เรื่องเป็นยังไง ทั้งหมดอยู่ในบทสนทนาชิ้นนี้แล้ว

สำหรับคนที่ติดตามพิธีกรและนักเขียนคนดังรายนี้ คงรู้สึกได้ว่า ไม่เพียงแต่หนังสือ Mary The Moment ใช้ชีวิต คิดเช่น “แมร์” ที่เนื้อหาจะเป็นการส่งต่อแง่คิดและมุมมองดีๆ ถึงผู้อ่าน คนที่ติดตาม @kalamare เป็นประจำ คงเห็นเช่นกันว่าเจ้าตัวมักมีเรื่องราวและกำลังใจดีๆ มาส่งต่อเช่นกัน

“ใช่ค่ะ เป็นความตั้งใจ” เธอว่า

“คือแมร์ดำเนินชีวิตมาจน 43 ปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวต่างๆ มาเยอะ แล้วรู้สึกว่าเราโชคดีเหลือเกินที่มีชีวิตที่ดีขนาดนี้ สิ่งที่แมร์อยากมี อยากเป็น อยากได้ แมร์ได้หมดแล้ว”

ถึงแม้ว่ากว่าจะได้ ต้องเจอสารพัดสิ่ง ทั้ง “ก้อนอิฐ ก้อนดิน ขี้หมา อะไรต่างๆ นานา”

หากกระนั้นก็ยังชอบทุกโมเมนต์ที่เจอ ไม่ว่าจะเรื่องดี-ร้าย คนที่เจอ สถานที่ที่ไป อาหารที่กิน

“เป็นเดอะ โมเมนต์ ที่อยากเก็บ แล้วแบ่งปันไปหาผู้คน เพราะสิ่งที่เราทำ เราคิดได้ หรือเราเจอ มันเวิร์ก แค่ปรับมุมคิดนิดเดียวแล้วได้ประโยชน์ ชีวิตดีขึ้น รวยมากขึ้น อดทนมากขึ้น เก่งมากขึ้น แล้วจะเก็บไว้ทำไมคนเดียว”

ช่องทางโซเชียลมีเดียของเธอจึงไม่ใช่แหล่งระบายความรู้สึก แบบที่บางคนใช้

“ในโซเชียลมีเดีย คนตามเราเป็นล้านคน ทำไมเราถึงไม่ให้เรื่องดีๆ กับเขา แมร์จะไม่พร่ำบ่น ต่อว่า ดราม่า เพราะเราไม่ควรเอาเรื่องขยะไปให้เขา เปิดมาว้าย มีแต่เรื่องบ่น รูปน่าเกลียด ไม่มีเรื่องดีงามน่ะ ดูเราแล้วขอให้ได้อะไรจากเราไปบ้าง ได้ยิ้ม ได้คิด ได้มีกำลังใจ”

“เมื่อก่อนแมร์เคยคิด ว่าไปเที่ยวแล้วลงรูปสวยๆ จะมีคนหมั่นไส้หรือเปล่า จะหาว่าอวดไหม แต่วันหนึ่งไปสวิส แล้วสถานที่แบบนี้ โรงแรมนี้ วิวนี้ อย่างกับในฝัน ก็ถ่ายรูปลง ผลคือคนกดไลก์เป็นแสน บอกว่าพี่ หนูรู้แล้ว ว่าจะตั้งใจทำงานไปเพื่ออะไร คนเพิ่งเลิกกับแฟนบอกรู้แล้วทำไมต้องเข้มแข็ง ทำไมต้องรวย ไม่มีเวลาท้อใจแล้วพี่ แมร์เลยอ๋อ…บางทีคนเห็นในโซเชียลแล้วสงสัย รูปพวกนี้มันจริงหรือเปล่า แต่งรูปหรือเปล่า แต่คราวนี้มันโดนสื่อสารผ่านกาละแมร์”

กาละแมร์ที่พวกเขารู้สึกว่าเป็นเพื่อน จับต้องได้ สื่อสารถึงกัน

“ถ้าอย่างนั้น ฉันที่เป็นเพื่อนเขา ก็ต้องทำได้สิ”

เรื่องถูกตำหนิว่าขี้โชว์ ช่างอวดนั้น ไม่มีเลย เธอบอก

“โชคดีด้วยมั้ง คนที่ติดตามแมร์เขาก็ชอบในความเป็นแมร์ คนที่ไม่ชอบ ก็คงไม่ตาม แล้วเอาจริงๆ ถึงจะมีคนคอมเมนต์ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะแมร์ใช้ชีวิตอย่างนั้นจริงๆ แต่คนที่คอมเมนต์เขาต้องไม่มีความสุขจริงไหม เพราะคนที่มีความสุข ไม่มีเวลาจะคิดเรื่องลบกับใครหรอก เราก็ไม่ได้อะไรกับเขา”

เรื่องก้อนอิฐ ขี้หมา และสารพัดสิ่งที่เข้ามา กาละแมร์ก็ว่า สำหรับเธอ ซึ่ง “เติบโตขึ้นเรื่อยๆ” ทุกครั้งเวลาที่เจอจะตั้งสติเป็นลำดับแรก เพื่อจะได้ “ไม่ฟูมฟาย ตีอกชกหัว หรือแม้กระทั่งด่าทอกลับ”

“เพราะฉะนั้น ถ้าด่ามา ก็ดูว่าเป็นใคร ด่าทำไม”

ถัดไปคือพิจารณาว่า “มันมีประโยชน์อะไรไหม แล้วเป้าหมายเราคืออะไร”

แล้วถ้าไม่ได้อยู่ในโฟกัสของชีวิต ก็ให้คิดเสียว่า ทุกเส้นทางย่อมมีขวากหนามให้คันเล่นๆ แล้วต่อไปชีวิตจะแกร่งขึ้นเอง

“ประกอบกับการปฏิบัติธรรมช่วยได้เยอะ” เธอบอก

ครั้นถามถึงเรื่องเป้าหมาย ที่อยากมี อยากเป็น อยากได้ และได้มาหมดดังที่บอก กาละแมร์ก็ว่า “เมื่อก่อนอยากมีบ้านแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ มีเงินเท่านี้ ทำงานก็ได้ ไม่ทำงานก็ได้ ไปเที่ยวทุกเดือน มีร่างกายที่แข็งแรง อยากทำบุญอะไรก็ได้ อยากเลี้ยงพ่อ-แม่อะไรก็ได้ มันถึงเป้าหมายนั้นละ”

“แล้วทีนี้เอาไงต่อ ดันยังไม่ตาย”

จะอยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตชิลๆ ใช่ที่ เพราะสิ่งที่รู้สึกคือ “ถ้าเราปล่อยตัวไหล แบบตื่นมาแล้วไม่ต้องทำอะไร วันหนึ่งเราจะว่างเปล่า ว่างเปล่าในที่นี้คือเกิดมาทำไมวะ มีชีวิตอยู่ทำไมหรือ”

ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจ “โลกที่ไม่เคยได้เข้าไป และก็กลัวมาตลอด” ก่อนจะพบว่าเอาเข้าจริง ไม่เห็นต้องกลัว เพราะสนุก แถมยังได้เงินอีกต่างหาก

เงินที่จะไปพอกพูน เพิ่มเติมจากที่มีจนพอแล้วนั่นแหละ

แต่ก็นะ-กาละแมร์ซึ่งเคยมีภาวะเห็นเงินกองอยู่ แล้วคิดไม่ออกว่าจะเอาไปใช้อะไรดี ยืนยันว่าที่ทำงานทุกวันนี้ แล้วได้เงินมา ก็ยังรู้สึกดีใจนะ ไม่ใช่ไม่ดีใจ

“ฉันก็อยากพันล้าน เท่มาก อยากมี”

อย่างไรก็ดี “เงินที่ได้มา มันจะมีความหมายมากเลย ถ้าได้ไปมีประโยชน์กับคนอื่น”

เราๆ จึงได้เห็นข่าวการบริจาคเงินจากกำไรในการขายเพาเวอร์บอลและสินค้าอื่นๆ ในเครือ “บาย กาละแมร์” เพื่อโครงการโน่น นั่น นี่

“ตอนนี้ถ้าเปรียบเป็นรถ เครื่องแมร์แรงมาก เหมือนเราวางเครื่องใหม่ จูนทุกอย่างใหม่ ตอนรู้สึกว่าพอแล้ว 40 แล้ว ฮิตเป้าหมายแล้ว ก็จอดรออยู่บ้าน ไม่ทำอะไร แต่พอวางเครื่องใหม่ ทะยานเลยจ้า เราคิดว่าเราทำได้แค่นี้เหรอ เป็นพิธีกรอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ แต่ในวันที่เปิดศักยภาพตัวเองไปต่อได้อีกค่ะ คราวนี้โลกทั้งใบวิ่งเข้าหาแมร์ คนระดับโลกสนใจของที่เราทำ อยากร่วมงานกับเรา”

หมุดหมายต่อไปของเธอ จึงเป็นการที่ “โลกต้องรู้ค่ะ ว่าผลิตภัณฑ์เฮลตี้จากผู้หญิงไทยคนนี้มันดีแค่ไหน”

ถามไปว่า ชีวิตที่เหมือนจะประสบความสำเร็จไปทุกสิ่ง มีจุดที่รู้สึกล้มเหลวบ้างไหม

“ไม่มีค่ะ” ตอบมาทันที

“เพราะแมร์ดันมีปณิธานว่าจะทำชีวิตให้ดีขึ้นในทุกด้าน เพราะฉะนั้น จะไม่มีเรื่องไหนที่ล้มเหลว ไม่เคยรู้จักคำนี้ด้วยซ้ำไป จะหมั่นไส้ก็ได้นะ แมร์ไม่ว่า แต่ไม่เคยบัญญัติคำนี้ในชีวิต”

แน่นอน ประเภทที่โห…ไม่เป็นอย่างที่คิด ก็มีบ้าง

“แต่ก็ทำใหม่ไง”

“แมร์ไม่เคยจำนนต่อโชคชะตา วันนี้ไม่ดี พรุ่งนี้ทำใหม่ ชั่วโมงนี้ไม่ดี ชั่วโมงหน้าเอาใหม่ นาทีนี้ไม่ดี นาทีหน้าเอาใหม่ ไม่เคยจะไปเก็บความล้มเหลว คนอย่างแมร์ล้มได้ ลุกไว ร้องไห้เป็น แต่หัวเราะได้”

“สิ่งที่แมร์เก็บคือ ทำไมชีวิตถึงโชคดีอย่างนี้”

“คนชอบถามแมร์ตลอด ไม่มีผัวไม่เหงาเหรอ ทำไมล่ะ อยู่คนเดียวทำไมต้องเหงา แล้วจริงๆ เลยนะ วันที่คุณเจอธรรมะ ชีวิตจะไม่เหงาอีกต่อไป ถ้าไปถึงวันที่เรารู้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เราจะไม่เหงา แล้วผัวก็ไม่ใช่สรณะ ไม่ใช่เส้นชัย เอาที่มีความสุขดีกว่า”

“แล้วแมร์น่ะเดินทางมาถึงวันที่อะไรรู้หรือเปล่า วันที่แมร์คิดความทุกข์ตัวเองไม่ออก”

“มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ”