สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ได้โหวตผ่านร่างกฎหมายอุยกูร์ 2019 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 407 เสียง ต่อ 1 เสียง ซึ่งจะเป็นผลให้รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ จะต้องดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อการปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียงของจีน

ร่างกฎหมายอุยกูร์ 2019 เป็นร่างกฎหมายที่มีบทบัญญัติแข็งกร้าวกว่าฉบับที่สร้างความขุ่นเคืองไม่พอใจให้กับจีนมาแล้วในการผ่านความเห็นชอบจากสภาซีเนตหรือวุฒิสภาสหรัฐเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ผ่านการทบทวนใหม่กำหนดให้ประธานาธิบดีสหรัฐประณามการละเมิดสิทธิของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมและเรียกร้องให้จีนปิดค่ายกักกันนักโทษในมณฑลซินเจียง อีกทั้งยังกำหนดให้ผู้นำสหรัฐคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนที่รับผิดชอบต่อการกวาดล้างชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในมณฑลวินเจียง โดยเฉพาะนายเฉิน ฉวงกัว สมาชิกคณะโปลิตบูโร ที่เป็นหนึ่งในคณะผู้นำระดับสูงของจีน

อย่างไรก็ดีร่างกฎหมายฉบับนี้ยังจะต้องผ่านการพิจารณาเพื่อผ่านความเห็นชอบในสภาซีเนตที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่อีกครั้ง ก่อนนำเสนอให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามอนุมัติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ ที่ยังมีบทเฉพาะกาลเปิดทางให้ผู้นำสหรัฐระงับการคว่ำบาตรไว้ได้หากเห็นว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ

ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันควันในวันที่ 4 ธันวาคม โดยระบุว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นการโจมตีมุ่งร้ายจีนและเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐแก้ไขในสิ่งผิดให้ถูกต้อง และยุติการใช้ซินเจียงเป็นหนทางในการเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของจีน

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งลงนามในร่างกฎหมายของสหรัฐที่ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง แม้จะถูกคัดค้านจากจีนก็ตาม