เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่ากรณี”ถวายสัตย์ปฏิญาณ” ไม่ว่ากรณี”แถลงนโยบายรัฐบาล”ในที่สุดก็รวมศูนย์ไปที่บทสรุปร่วมกัน
นั่นก็คือ เรื่องของ “บรรทัดฐาน”
มีความพยายามจากทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทางด้านของรัฐบาลในทำนองว่า เมื่อผ่านมาแล้วก็ขอให้จบๆกันไป ไม่ควรตั้งข้อสังเกตและทำให้วุ่นวาย
ไม่ว่าจะเป็นการแถลงจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการ ส่งเสียงมาจากเขาชะโงก นครนายก
ขณะที่สังคมมีความเห็นร่วมว่า ไม่ว่ากรณี”ถวายสัตย์ปฏิ
ญาณ” ไม่ว่ากรณี”แถลงนโยบาย รัฐบาล”ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยโดยไม่คำนึงถึง”บรรทัดฐาน”
เพราะ “บรรทัดฐาน”นี้อยู่ในบทบัญญัติ”รัฐธรรมนูญ”
น่าแปลกอย่างยิ่งที่ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าคนในรัฐบาลมักอ้างถึงกฎหมาย มักอ้างถึงหลักนิติธรรมและความเป็นนิติรัฐ
แต่เมื่อถึงกรณี”ถวายสัตย์ปฏิญาณ” และกรณี”แถลงนโยบาย รัฐบาล”กลับพยายามจะปล่อยให้ผ่านเลย
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงคือการละเลยต่อ”รัฐธรรมนูญ”
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเมื่อการกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณไม่เป็นไปตามที่ตราเอาไว้ในรัฐธรรมนูญก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเมื่อการแถลงนโยบายรัฐบาลมิได้มี การระบุแหล่งที่มาของเงินงบประมาณที่จะนำไปปฏิบัติก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน
คำถามก็คือ แล้วจะบัญญัติเอาไว้ทำไม ปฏิญาณอย่างไหนก็ย่อมได้
คำถามก็คือ แล้วจะบัญญัติเอาไว้ทำไม แถลงนโยบายรัฐบาลอย่างไหนก็ย่อมได้
ไม่ว่ารัฐบาลจะมีองค์ประกอบมาอย่างไร เคยเป็นข้าราชการมาก่อน เคยเป็นนักธุรกิจมาก่อน เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน เคยเป็นนักวิชาการมาก่อน
แวดวงราชการย่อมมีกฎระเบียบ แวดวงธุรกิจย่อมมีกฎระเบียบ แวดวงการเมืองย่อมมีกฎระเบียบ
ยิ่งแวดวงวิชาการก็ย่อมมีกฎระเบียบ
ในที่สุด หลักการอันเป็น”บรรทัดฐาน”ต่างหากที่สำคัญ