ส่องผลงาน 7 เดือน ‘บิ๊กอุ้ม-ครูเอ’ ฝ่ากระแสปรับ ครม.เศรษฐา 2

ครบ 7 เดือน รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ดูเหมือนยังไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ที่ข้าวของจำเป็นต่างพาเหรดขึ้นราคากันไม่เว้นแต่ละวัน…

ส่องท่าที นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ซึ่งออกมายอมรับว่ายังไม่พอใจกับผลงานของรัฐบาลที่ยังบริหารแบบติดๆ ขัดๆ จำเป็นต้องเร่งยกระดับเชิงบริหาร

ถึงคิวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งล่าสุดโผ ครม.เศรษฐา 2 ใกล้ลงตัว ทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคร่วมรัฐบาล โดยรัฐมนตรีในโควต้าพรร พท. ไล่ตั้งแต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) “บิ๊กทิน” นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “เจ๊แจ๋น” นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ซึ่งติดโผถูกโยกสลับกับ “น้องปุ๋ง” น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ผลงานดันซอฟต์เพาเวอร์มยังไม่เข้าขากับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เท่าที่ควร

ส่วนรัฐมนตรีโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่คาดว่าจะปรับออก มีชื่อนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีชื่อนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แต่รอสรุปอีกครั้งว่าจะนั่งกระทรวงไหน

 

ขณะที่ภูมิใจไทย คาดว่าจะยังไม่ขอปรับ โดยเฉพาะทีมเสมา ซึ่งค่อนข้างแน่นอนว่าจะได้ไปต่อในรัฐบาลเศรษฐา 2 นำโดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. ซึ่งหลายเสียงประเมินผลงาน 7 เดือนแรกออกมาแล้ว ค่อนข้างไม่ขี้เหร่

โดยนายณรินทร์ ชำนาญดู ผู้อำนวยการโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ ในฐานะนายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ตัดเกรด ผลงาน 7 เดือนทีมเสมา ว่าส่วนตัวให้ผ่าน มีผลงานเชิงประจักษ์ชัดเจนกว่า 70% โดยเฉพาะการลดภาระข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้สินครู ที่ค่อนข้างเห็นผลเป็นรูปธรรม

และเรื่องที่ช่วยลดภาระครูได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง คือยกเลิกการอยู่เวรของครู การเดินหน้าเรื่องการจัดจ้างนักการภารโรง ที่สำคัญที่สุดคือของบประมาณกว่า 2,955 ล้านบาท อุดหนุนค่าอาหารกลางวันของนักเรียนระดับมัธยมปีที่ 1-3 ในโรงเรียนขยายโอกาสทุกสังกัด กว่า 7,344 แห่ง มีนักเรียนได้รับประโยชน์กว่า 575,983 คน

รวมถึงเร่งจัดสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจําเป็น หรือมีเหตุพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้เร็วขึ้น เพื่อให้สามารถบรรจุแต่งตั้งได้ทันเปิดภาคเรียน

 

ขณะที่นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา ประเมินภาพรวม หลังรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ต้องถือว่าสอบตก ให้คะแนนอยู่ที่ 4.5 จากคะแนนเต็ม 10 แต่ยังสามารถซ่อมเสริมได้ โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาการศึกษา ซึ่งในการแถลงนโยบายของรัฐบาล จะมีคีย์เวิร์ดสำคัญ ทั้งของรัฐบาลและของรัฐมนตรี ศธ. เช่น การปฏิรูปการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต ลดภาระครู ลดภาระนักเรียน เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น

ซึ่งหากให้ประเมินผลงาน ในส่วนของการดูแลคุณภาพชีวิตครู ก็ถือว่าสอบผ่าน มีผลงานชัดเจน ทั้งยกเลิกการอยู่เวร จ้างภารโรง ลดภาระในการจัดทำเอกสารเพื่อขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ แก้หนี้ครู และเตรียมแจกอุปกรณ์การสอน หรือแท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊ก การดำเนินการทั้งหมดนี้ทำให้ครูมีความพึงพอใจ

“ผลงานในส่วนของการสร้างขวัญและกำลังใจของครู ค่อนข้างมีความชัดเจน แต่งานอื่นๆ ยังไม่เห็นผลงานเท่าที่ควร โดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพเด็ก ที่ถือว่าประสบปัญหาวิกฤตอย่างหนักแทบจะทุกเรื่อง ทั้งภาวะการเรียนรู้ถดถอยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จำนวนเด็กดร็อปเอาต์ ที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 1,020,000 คน ผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ที่ตกต่ำ เด็กอยู่ในภาวการณ์เรียนรู้ช้า และปัญหาใหญ่คือเรื่องความรุนแรงในเด็ก ที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร่งด่วน” นายสมพงษ์กล่าว

เรื่องปัญหาคุณภาพเด็ก น่าจะเป็นเรื่องที่วิกฤตมากที่สุด และยังไม่เห็นแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน ซึ่งส่วนตัวให้ผ่านในเรื่องการพัฒนาครู แต่เรื่องคุณภาพเด็กสอบตก ส่วนเรื่องการปฏิรูประบบการศึกษาก็ยังไม่ไปถึงไหน

ดังนั้น หากต้องการพัฒนาการศึกษา รัฐบาลจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ เพราะสภาพการศึกษาปัจจุบัน มีความผุพัง ที่เกิดจากความด้อยประสิทธิภาพของระบบ ตอนนี้ปัญหาการศึกษาถาถมหนักกว่าเรื่องอื่นๆ รัฐบาลควรจะต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องเหล่านี้

 

ปิดท้ายที่เสมา 2 อย่างครูเอ สุรศักดิ์ ยอมรับว่ากว่า 7 เดือนที่ทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ภายใต้นโยบายของบิ๊กอุ้ม พล.ต.อ.เพิ่มพูน มีหลายเรื่องที่ได้ขับเคลื่อนเพื่อลดภาระครู นักเรียน และผู้ปกครอง โดยเฉพาะเรื่องยกระดับคุณภาพการศึกษา ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ตั้งคณะทำงานยกระดับคะแนนประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA เชื่อมั่นว่าคะแนน PISA ในปี 2025 จะดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ถือเป็นวาระสำคัญ ที่ทุกคนต้องร่วมกันดำเนินการตามนโยบายที่จะพลิกโฉมประเทศไทยแบบก้าวกระโดด

“กว่า 7 เดือนที่ผ่านมา พยายามขับเคลื่อนหลายอย่าง แม้จะยังไม่มีงบประมาณปี 2567 มาขับเคลื่อน โดยบางเรื่อง เช่น การยกเลิกการอยู่เวรของครู หรือการจ้างนักการภารโรง อาจไม่ใช่มิติด้านคุณภาพ แต่เป็นการลดภาระครู สุดท้ายทุกอย่างจะสะท้อนกลับไปที่ประสิทธิภาพการเรียนการสอน และประสิทธิภาพผู้เรียน ทั้งหมดนี้จับต้องได้ นอกจากนี้ ยังมีงบสนับสนุนนโยบายเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีระบบ หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จัดหาอุปกรณ์ 1 นักเรียน 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต/โน้ตบุ๊ก และการแจกอุปกรณ์เทคโนโลยีประกอบการสอนให้แก่ครูตามที่ ศธ.เสนอขอ 2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาการเช่า 5 ปี ตั้งแต่ปี 2568-2572 ในส่วนของค่าเช่า Cloud Computing หรือ Cloud (คลาวด์) ค่าจัดทำแพลตฟอร์ม คอนเทนต์ รวมทั้งแจกอุปกรณ์ให้กับนักเรียน โดยเฟสแรกจะแจกให้นักเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกกว่า 600,000 คน” นายสุรศักดิ์กล่าว

คงต้องรอดูว่า หลังได้ไปต่อกับรัฐบาลเศรษฐา 2 แล้ว ทีมเสมาจะเร่งเครื่องพัฒนาการศึกษาไปในทิศทางใด •

 

 

| การศึกษา