เผยแพร่ |
---|
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนพฤษภาคม ว่า จากการสำรวจสมาชิกหอการค้าไทยทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน 2562 จำนวน 370 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนีฯ ประจำเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 47.4 จุด หรือปรับตัวต่ำสุดในรอบ 15 เดือน ลดลงจาก 47.8 ในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากปัจจัยลบ อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2562 ขยายตัว 2.8% ลดลงจากไตรมาส 4/2561 ที่ 3.6% จากการส่งออกลดลงและปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เป็นต้น
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของการบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า ภาคบริการ การจ้างงาน รวมไปถึงภาคการค้าชายแดน ดัชนีความเชื่อมั่นปรับลดลง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพ แล้วปัญหาสงครามการค้ามีแนวโน้มรุนแรง การส่งออกลดลง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งกดดันให้กำลังซื้อในภูมิภาคลดลง ล้วนมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ส่วนปัจจัยบวก อาทิ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ต่อปี ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปริมาณผลผลิตภาคการเกษตรขยายตัว อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพืชเกษตร ซึ่งมีผลต่อรายได้และมีผลให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นอยู่ เป็นต้น
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากการสำรวจฯ คาดว่า ดัชนีหอการค้าฯ ในเดือนมิถุนายน 2562 ยังติดปัญหาด้านการเมืองที่ขาดเสถียรภาพ ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัว แต่เชื่อว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเริ่มสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจทันที คาดว่าไตรมาสที่ 2/2562 จีดีพีจะเติบโตอยู่ที่ 2.8-3% และคาดว่าจีดีพีในช่วงครึ่งปีแรกจะโตอยู่ที่ 2.9-3% ทั้งนี้ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2562 จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลอาจจะต้องมุ่งเน้นเข้าไปดูแลภาคเกษตรและการท่องเที่ยว เพราะหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น จะมีผลต่อรายได้ ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น รวมถึงจะส่งผลให้ช่วงครึ่งปีหลังมีการเติบโต 3.8-4% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2562 จีดีพีจะขยายตัวอยู่ที่ 3.5%
นอกจากนี้ ในส่วนของแนวทางแก้ไขที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาดำเนินการ คือ การแก้ไขปัญหายค่าครองชีพ ปัญหาความยากจน ลดความเลื่อมล้ำในสังคม กระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ เร่งผลักดันระบบขนส่งคมนาคมของประเทศให้มีความเชื่อมโยงเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต ขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตร ส่งเสริมการท่องเที่ยวชมชุน ซึ่งหากเดินหน้าได้เชื่อว่าความเชื่อมั่นของประกอบการจะกลับมาปรับตัวดีขึ้น
มติชนออนไลน์