เผยแพร่ |
---|
หากการใช้มาตรา 44 เพื่อต่อสู้อายุบอร์ดกสทช.จะเป็นพลังเฉื่อย อันดำรงอยู่ภายหลังสถานการณ์วันที่ 5 มิถุนายน กรณีเจ้าหน้าที่ รุดไปยังโรงเรียนชุมพลโพนพิสัยก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง
ระหว่าง 2 กรณีนี้กรณีกสทช.ดำเนินไปอย่างที่รู้ๆกันอยู่เหมือนกับกรณีของดิจิตัลทีวี
ขณะที่กรณีที่”ชุมพลโพนพิสัย”กลับไม่ธรรมดา
ไม่ธรรมดาเพราะว่ามีความเหลื่อมซ้อนดำรงอยู่ภายในคำว่า “เจ้าหน้าที่”
คำถามก็คือเป็นทหาร หรือว่าเป็นตำรวจ
ไม่ธรรมดาเพราะว่ามิได้เกิดขึ้นที่หนองคายเท่านั้นหากแต่ยังมีที่สกลนคร มีที่พิษณุโลก มีที่ชัยนาท และแม้กระทั่งหอวัง
ยิ่งกว่านั้น “ปฏิกิริยา”ต่างหากที่น่าทึ่ง
อาจเป็นเพราะมีภาพอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อาจเป็นเพราะมีภาพรถถัง มีภาพตราชู อาจเป็นเพราะมีภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
และยังมีภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ความเข้าใจที่ว่าเป็นปรากฎการณ์ซึ่งได้รับผลสะเทือนมาจากขบวนพาเหรดและการแปรอักษรของฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์
อาจเป็นความจริง แต่ยังสงสัยต่อไปอีกว่าน่าจะมีรากฐานมาลึกซึ้งมากกว่านั้น
พล.อ.ประวิตร วงษสุวรรณ จึงสรุปว่า “มีเบื้องหลัง”
ตรงนี้ยิ่งทำให้มีการเคลื่อนไหวเงียบๆจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นสันติบาล ไม่ว่าจะเป็นปอท.เจ้าเก่า เพราะการเผยแพร่ข้อมูลนี้อึกทึกอย่างยิ่งผ่านโลกออนไลน์
บรรดาลุงๆป้าๆก็ต้องถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากกรณี”อีช่อ”ก็ยังไม่จางจากหายไปกลับมีเรื่องพานพุ่มเข้ามา
ในที่สุดก็ลงเอยเป็นการปะทะระหว่างรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า
ตามปรกติของสถานการณ์หลังรัฐประหาร 2557 ไม่ว่าเกิดขันแดง ไม่ว่าเกิดปฏิทิน เจ้าหน้าที่สามารถชี้นิ้วไปยัง นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้
แต่มาถึงพานพุ่มดอกไม้ไหว้ครูหลายสายตาเหล่ไปยัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
และผนวกรวม น.ส.พรรณิการ์ วานิช เข้าไปด้วยอัตโนมัติ