การประชุม ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)จำนวน 80 คน เพื่อขอมติว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยที่ประชุมฯ ได้มีการลงมติโหวตลับชี้ขาด โดยฝ่ายที่เห็นว่าควรร่วม มีคะแนนนำ 61 เสียง และฝ่ายที่เห็นว่าไม่ควรร่วมมีจำนวน 16 เสียง งดออกเสียง 2 เสียงนั้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และอดีต ส.ส. ร่วมกันแถลงมติพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเสียงข้างมาก ผ่านวิธีการลงมติลับ ด้วยคะแนน 61 ต่อ 16 งดออกเสียง 2 และบัตรเสีย 1 ด้วย เงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอไปยังพรรคพลังประชารัฐ ผ่านกระบวนการพูดคุยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้ได้รับการตอบรับ จากพรรคพลังประชารัฐทั้งหมดแล้ว ทั้งเรื่องนโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ การแก้ไขปัญหาเกษตรกร ประกันรายได้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงเงื่อนไขการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ต้องซื่อสัตย์ สุจริต โดยพรรคได้แจ้งไปยังพรรคพลังประชารัฐว่า หากมีการทำผิดเงื่อนไข พรรคประชาธิปัตย์ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะถอนตัวในการเข้าร่วมรัฐบาล ทั้งหมดได้รับการยอมรับจากพรรคพลังประชารัฐ และมีการให้คำมั่นว่าจะนำนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ไปบรรจุเป็น นโยบายของรัฐบาล

นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคตระหนักว่าไม่ว่าจะตัดสินใจไปทางใด ย่อมมีเสียงสะท้อนและเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างแน่นอน แต่เพื่อยึดประโยชน์ชาติ และให้ประเทศหลุดพ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ประเทศมีรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินไปข้างหน้าได้ พรรคจึงตัดสินใจออกมาแบบนี้ ยืนยันว่าการร่วมรัฐบาล ได้นำเงื่อนไข จุดยืนอดีตหัวหน้าพรรคที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียง ถูกวิพากษ์วิจารณ์มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง แต่สุดท้ายพรรคต้องยึดประโยชน์ของประเทศ เหนือประโยชน์ของพรรค และให้สภาพการเมืองในขณะนี้ หลุดพ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งการมีรัฐบาลจะเป็นการปิดสวิตซ์ สว. และหยุดอำนาจ คสช.

ส่วนการโหวตลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 มิ.ย. ส.ส. ของพรรค ก็จะโหวตสนับสนุนรายชื่อนายกรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เช่นเดียวกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคพลังประชารัฐยกมือสนับสนุน และหวังว่าสมาชิกทุกคนจะปฏิบัติตามมติพรรค