E-DUANG : สถานการณ์ พรรณิการ์ วาณิช กับ สถานการณ์ วัน อยู่บำรุง

ไม่ว่าปรากฏการณ์ วัน อยู่บำรุง ในวันที่ 24 พฤษภาคม ไม่ว่าปรา กฎการณ์ พรรณิการ์ วาณิช ในวันที่ 26 พฤษภาคม สามารถเข้าใจได้

ไม่ว่าจะมองทางด้าน “การตลาด” ไม่ว่าจะมองทางด้าน “การ เมือง”

นั่นก็คือ เป็นปรากฎการณ์สร้างชื่อ ยกระดับตนเอง

หากไม่ประเมินว่าชื่อเสียงของ วัน อยู่บำรุง เกริกไกรเพียงใด คงไม่มี ส.ส.หน้าใหม่เข้าไปขอจับมือ

หากไม่ประเมินว่าความดังของ พรรณิการ์ วาณิช ในห้วงแห่งการดีเบตประชันวิสัยทัศน์ก่อนการเลือกตั้งอยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์เพียงใด คงไม่มีส.ส.หน้าเก่าออกมาท้า

เรื่องนี้แวดวงการเมืองรู้ดี เรื่องนี้แวดวงการตลาดรู้ดี

 

พลันที่ วัน อยู่บำรุง ปฏิเสธการจับมือ พลันที่กล้องจับไปยังใบหน้าของ ส.ส.คนนั้น ก็แทบไม่ต้องอธิบายว่าเหตุใด วัน อยู่บำรุง จึงไม่ยอมจับมือ

เพราะว่า วัน อยู่บำรุง จะจับมือกับคนที่เห็นว่าเหมาะสมที่จะจับมือด้วยเท่านั้น

ผลก็คือ ส.ส.คนนั้นเกิดอาการ”เงิบ”

เช่นเดียวกับในกรณีของ พรรณิการ์ วาณิช เมื่อเธอเล่นบทในแบบที่ จิตร ภูมิศักดิ์ สรุปจากบทกวีของ”หลู่ซิ่น”ที่ว่า

แม้คนพัน บัญชา ชีหน้าเย้ย / จงขวางคิ้ว วางเฉย เถิดสหาย / ต่อเมื่อเหล่า นวชน เกิดกล่นกราย / จึงน้อมกาย ก้มหัว เป็นงังงาน”

นั่นก็คือ ขวางคิ้ว เย็นชาเฉย ไม่ตอบโต้ แม้จะเล่นแรงถึงระดับ  “อีช่อ”

ผลก็คือ น้ำลายอันออกมาจากอีกฝ่ายก็ไร้ความหมาย

ตรงกันข้าม เมื่อ พรรณิการ์ วาณิช เปิดปากพูดก็ยืนยันสถา นะและความเหนือกว่าอย่างเด่นชัด

 

วัน อยู่บำรุง อาจผาดโผนอยู่ในโลกของคนใจถึง พึ่งได้ พรรณิการ์ วาณิช อาจผาดโผนอยู่ในโลกของนักข่าว นักวิเคราะห์ แต่ ณ วันนี้ ทั้ง 2 เข้ามาอยู่ในโลกของการเมือง

ท่วงท่า อาการ จึงอยู่ในความสนใจของสังคม

การตอบโต้โดยไม่ตอบโต้ การวิพากษ์โดยวิพากษ์ จึงทรงความหมาย

เป็นความหมายในลักษณะ”เหนือชั้น”อย่างเด่นชัด