ไม่ว่าการลงสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ 7 พรรคการ เมืองที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าการเสนอปิดสวิตช์ ส.ว.อันมาจากพรรคอนาคตใหม่

คือ รูปแบบหนึ่งภายในกระบวนการต่อสู้ทางการเมือง

เริ่มต้นจากการเสนอความคิด ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วนำไปสู่การจัดตั้งและลงนามในสัตยาบันยืนยัน แนวทางและหลักการ

นี่คือ การประสานระหว่าง 1 ความคิด 1 การเมือง และ 1 การจัดตั้ง

การต่อสู้จึงเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของความคิด

ผ่านกระบวนการในทางการเมือง และยกระดับไปสู่กระบวน การของการจัดตั้งเพื่อสร้างความเข้มแข็ง

 

ขณะที่ในด้านของแนวที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจคสช.ดำเนิน

การต่อสู้ผ่านการตั้งกลุ่มสร้างพันธมิตร กล่าวสำหรับพรรคการเมืองที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของคสช.ก็มีการต่อสู้เช่นเดียวกัน

1 ต่อสู้เพื่อให้ได้รับความสนใจกระทั่งได้รับการทาบทามจาก พรรคพลังประชารัฐ

หรือไม่ก็เสนอตัวเข้าไปเหมือนกับ 11 พรรคจิ๋วแสดงออก

ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งเป็นธรรมชาติสำคัญของการเมือง นั่นก็คือ เมื่อเข้าไปแล้วก็จะต้องมีการเจรจาและต่อรอง

อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวในเรื่อง”เก้าอี้”รัฐมนตรี

แม้กระทรวงกลาโหมจะตอ้งอยู่ในความรับผิดชอบของคสช.อย่างเต็มที่ แต่หลายฝ่ายก็ทอดตามองไปยัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กระทรวงเหล่านี้ย่อมเป็นที่หมายปอง การต่อรองจึงดำเนินไปอย่างเข้มข้น

ขึ้นอยู่กับอำนาจในการต่อรองจะอยู่ในมือของพรรคใด

 

พรรคการเมืองจำเป็นต้องต่อสู้กันเพื่อกำชัยชนะในการเลือกตั้ง และภายหลังการเลือกตั้งก็เข้าสู่สมรภูมิใหม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นผู้ได้จัดตั้งรัฐบาล

เหมือนกับจะเป็นระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ

แต่ในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้มีความจำเป็นต้องหาพันธมิตรสร้างแนวร่วม เพื่อความแข็งแกร่ง

ใครแข็งแกร่งกว่าก็มีชัยเหนือกว่า