“ยูนิเซฟ” เผยเด็ก 1.6 ล้านชีวิตยังคงอยู่ในภาวะอันตราย แม้ผ่านมา 1 เดือนหลังไซโคลนอิดาอีพัดถล่ม

เมื่อวานนี้ (22 เมษายน 2562) กองทุนเพื่อเด็กแห่งองค์การสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ ได้ออกมาระบุว่าหนึ่งเดือนหลังพายุไซโคลนอิดาอีถล่มประเทศมาลาวี โมซัมบิก และซิมบับเว  เด็ก 1.6 ล้านคนยังคงต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนทั้งในด้านน้ำสะอาดและสุขอนามัย สุขภาพ โภชนาการ การปกป้องคุ้มครอง การศึกษา ซึ่งความช่วยเหลือที่ล่าช้าอาจส่งผลต่อการเกิดโรคระบาดและภาวะทุพโภชนาการซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของเด็ก ๆ

โดยยูนิเซฟประเทศไทยได้ประกาศระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ประสบภัย เนื่องจากสถานการณ์ในโมซัมบิก ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต โดยมีเด็กกว่า 1 ล้านคนกำลังต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน (รวมถึงเด็กกว่า 443,000 คนในมาลาวี และ 130,000 คนในซิมบับเว) ขณะนี้โมซัมบิกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคและมาลาเรีย โดยมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 4,600 คนและ 7,500 คนตามลำดับ

ยูนิเซฟมีกังวลอย่างยิ่งต่อสวัสดิภาพของเด็กกว่า 130,0000 คนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในโมซัมบิกและมาลาวี เฉพาะในโมซิมบิกที่เดียว มีบ้านเรือนกว่า 200,000 หลัง พังเสียหายจากพายุอิดาอี

นางเฮนเรียตต้า โฟร์ ผู้อำนวยการบริหารของยูนิเซฟ ซึ่งเดินทางไปยังเมืองเบียรา เมืองหลวงของโมซัมบิกทันทีหลังเกิดภัยพิบัติ กล่าวว่า  “เด็ก ๆ ที่ต้องพลัดพรากจากบ้าน และที่กำลังอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงซึ่งแออัดกำลังเสี่ยงต่ออันตรายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเกิดโรคระบาด การถูกแสวงประโยชน์และการถูกละเมิด ทั้งนี้ เส้นทางการฟื้นฟูยังอีกยาวไกล และต้องอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรในทุกย่างก้าวของการให้ความช่วยเหลือ เราต้องเร่งมือเพื่อช่วยให้เด็กและครอบครัวมีชีวิตอยู่รอดและสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนเดิม”

แม้ตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมในทั้งสามประเทศจะลดลงและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบบางส่วนได้เดินทางกลับไปยังถิ่นฐานของตนแล้ว แต่ยังมีอีกหลายพันครอบครัวที่ยังคงอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพเพราะบ้านเรือนได้รับความเสียหายหรือพังทลาย ในขณะเดียวกัน ความมั่นคงทางอาหารก็เรื่องเร่งด่วนด้วยเช่นกัน เนื่องจากพายุได้ทำลายพื้นที่เพาะปลูกซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว

ยูนิเซฟได้ประกาศระดมทุนจากทั่วโลกจำนวน 122 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและฟื้นฟูชีวิตของเด็กและครอบครัวที่ประสบภัยในทั้งสามประเทศในช่วง 9 เดือนข้างหน้า จนถึงปัจจุบัน ยูนิเซฟและพันธมิตรได้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เด็กและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น

  • โมซัมบิก: ยูนิเซฟได้จัดส่งวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคให้กับประชากร 900,000 คน และได้แจกมุ้งจำนวน 500,000 หลังเพื่อป้องกันเด็ก ๆ จากมาลาเรีย พร้อมจัดส่งน้ำสะอาดให้ประชาชน 500,000 คนในเมืองเบียรา และได้เริ่มกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด การให้ยาถ่ายพยาธิและวิตามินเอ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการจัดตั้งคลินิกหลายแห่งในพื้นที่อพยพ
  • มาลาวี: ยูนิเซฟจัดส่งรถบรรทุกน้ำ สร้างห้องน้ำ จัดหายาและจัดให้มีคลินิกเคลื่อนที่ โดยนับตั้งแต่เหตุการณ์พายุไซโคลน    ยูนิเซฟได้จัดส่งน้ำสะอาดให้แก่ประชาชนกว่า 53,000 คนและจัดหาห้องน้ำให้กับผู้คนกว่า 51,000 คน ตลอดจนจัดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในศูนย์อพยพ จัดหาครูอาสา พร้อมจัดส่งอุปกรณ์การเรียนรู้และสันทนาการให้เด็ก ๆ ได้เล่นและเรียนรู้
  • ซิมบับเว: ยูนิเซฟแจกจ่ายเครื่องใช้เพื่อสุขอนามัย ซ่อมแซมระบบน้ำและห้องน้ำ และยังอาหารบำบัดฉุกเฉินและอาหารเสริม ตลอดจนจัดกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้แก่เด็ก ๆ นอกจากนี้ ยังเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคระบาดที่มากับน้ำให้แก่ประชาชนกว่า  60,000 คน และได้เริ่มกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค โดยร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลกเพื่อปกป้องประชากรกว่า 480,000 คน จากโรคระบาด