ฎีกายกฟ้อง “เเทน”ลูกเทพเทือก ฟ้องละเมิดอดีตนักการเมืองพท., มติชน-ข่าวสด เรียก 500 ล้าน

ฎีกายกฟ้อง “เเทน”ลูก”เทพเทือก” ฟ้องละเมิดอดีตนักการเมืองพท., มติชน-ข่าวสด เรียก 500 ล้าน กล่าวหาไขข่าว รุกที่เขาเเพง ศาลชี้ เป็นเสนอข้อเท็จจริงโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สังคมโดยรวมปกป้องผืนป่าบนเกาะสมุยที่เหลือน้อยอันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญจากการกระทำของโจทก์กับบิดา

เมื่อวันที่ 11 เมษายน ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเเพ่ง8377/2561 เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่นายเเทนเทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เเกนนำ กปปส.เเละอดีตนักการเมือง หลายสมัยเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ,นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ,นายประชา ประสพดี ,นายสิงห์ทอง บัวชุม ,นายประเกียรติ นานิมมา , บริษัทข่าวสด จำกัด ,บริษัทมติชน จำกัด(มหาชน)ซึ่งเป็นกลุ่มนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเเละสื่อมวลชน เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิด ฐานละเมิดต่อโจทก์ด้วยการกล่าวเเละไขข่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จโดยกล่าวหาว่าที่ดินของโจทก์(บริเวณเขาเเพง)ออกโฉนดที่ดินโดยผิดกฎหมายเพราะไปทับที่ป่า และที่สาธารณะ ออกโฉนดโดยไม่มี ส.ค.1 มาเเต่เดิม หรือมี ส.ค.1 ที่ออกให้ที่ดินเเปลงอื่น นอกจากนั้นที่ดิน ที่ออกโฉนดมีความลาดชันเกินกว่าร้อยละ 35และกล่าวหาว่าโจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่แท้จริงเป็นเพียงตัวแทนหรือนอมินีถือครองที่ดินแทนนายสุเทพบิดา ถือเป็นการกระทำละเมิดที่ ที่เกิดจากการร่วมมือระหว่างจำเลยที่1-5ซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านในขณะนั้นกับจำเลยที่6และ7ซึ่งเป็นผู้ประกอบการสื่อมวลชนเจ้าของหนังสือพิมพ์ การกระทำของจำเลยทั้ง7เป็นการจงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะรู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นดังที่จำเลยทั้ง7สร้างเรื่องใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์เพราะที่ดินของโจทก์ไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าไม้ถาวรตามมติครม. อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯลฯ

ทำให้โจทก์ต้องได้รับความเสียหายจากผลแห่งการกระทำละเมิดดังกล่าวจึงขอให้บังคับจำเลยทั้ง7ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 500 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันฟ้องพร้อมขอให้จำเลยที่6และ7ทำลายข้อมูลข่าวที่มีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์และให้จำเลยทั้ง7ร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับติดต่อกัน 15 วัน

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน1ล้านบาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท ให้ยกฟ้องจำเลย
ที่ 1,3-7

ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค8พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 นอกจากที่เเก้ให้เป็นไปตามขั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับไป

ต่อมาโจทก์ยื่นฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว มีปัญหาตามวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยทั้ง7 เป็นการจงใจไขข่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จและฝ่าฝืนต่อความเป็นจริงอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
ได้ความว่าโจทก์เป็นบุตรของนายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังไม่ได้ทำงานหรือมีรายได้ โดยโจทก์เบิกความรับว่าขณะซื้อที่ดินพิพาทยังศึกษาอยู่ ส่วนเงินที่นำไปซื้อได้ส่วนแบ่งจากปู่ การที่โจทก์เป็นบุตรของนักการเมืองซึ่งเป็น รองนายกรัฐมนตรียังไม่มีงานทำไม่ได้อยู่ในประเทศไทยได้ซื้อที่ดินในราคาสูงจึงเป็นข้อชวนให้สงสัยว่าจะเป็นการใช้ชื่อของโจทก์กระทำการแทนบิดาที่เป็นนักการเมืองผู้ที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ แม้ตามทางพิจารณาโจทก์เบิกความว่า เป็นผู้ซื้อเองก็เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ยกอ้างในภายหลัง
ข้อเท็จจริงที่ปรากฎว่าโจทก์เป็นนักศึกษาไม่มีรายได้ยังอยู่ต่างประเทศได้ซื้อที่ดินในราคาสูงจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งต่อเหตุผลที่จำเลยทั้ง7สมควรจะตั้งข้อสงสัยเพื่อค้นหาความจริงตามภาระหน้าที่ของตนได้
กรณียังได้ความว่าโฉนดที่ดินเลขที่ 28109 มีเนื้อที่เกินกว่า ที่ระบุไว้ในหนังสือ น.ส.3ก. ถึง24ไร่2งาน เเละเกินจากที่ดินตามใบ ส.ค.1 ถึง 37ไร่เศษ อีกทั้งได้ความว่าที่ดินพิพาทอยู่ติดกับภูเขาและป่าดิบชื้นต้นน้ำ การมีที่ดินเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเกินจากเนื้อที่ดิน น.ส.3ก.เป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดข้อสงสัยว่าจะไปรุกล้ำที่ป่าดิบชื้นและป่าต้นน้ำหรือไม่ นอกจากนี้เมื่อเป็นที่ภูเขาและป่าจึง อาจมีความลาดชันเกินกว่า 35% ซึ่งต้องห้ามออกโฉนด ต่อมากรมที่ดินมีคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบโฉนดที่ดินดังกล่าวผลการตรวจสอบมีรายละเอียดเชื่อว่า มีการชี้นำรังวัดเกินไปจากพื้นที่ที่มีการครอบครองและทำประโยชน์มาก่อน แสดงว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยที่1-5 กล่าวมีมูล ความจริง มิใช่การแกล้งไขข่าวที่ฝ่าฝืนต่อความจริงเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งเป็นการกระทำเพื่อมุ่งปกป้องผืนป่าอันเป็นทรัพยากรมีค่าของชาติให้ผลจากความเสียหายที่อาจจะเกิดจากการกระทำของโจทก์หรือนายสุเทพบิดาโจทก์ อีกทั้งข้อสังเกตตามคำกล่าว ของจำเลยที่1-5 และการตีพิมพ์ข้อความของจำเลยที่ 6-7 เป็นการตั้งข้อสังเกตเพื่อตรวจสอบตามหน้าที่หากที่ดินตามโฉนดของโจทก์ได้มาโดยไม่ชอบก็จะได้แก้ไขให้ถูกต้องและดำเนินคดีต่อบุคคลที่กระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศแต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าที่ดินของโจทก์ดำเนินการออกโฉนดโดยชอบด้วยกฎหมายก็จะได้ทำให้สังคมเข้าใจข้อเท็จจริงและหายคลางเเคลงใจต่อการได้มาซึ่งที่ดินของโจทก์ แม้คำกล่าวของจำเลยทั้ง5 จะมีข้อความในเชิงยั่วยุท้าทายอยู่บ้างก็เนื่องจากโจทก์และฝ่ายโจทก์ไม่ได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ

ส่วนข้อความว่าที่ดินของโจทก์มีความลาดชันเกินกว่า 35% ก็เป็นข้อความเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบความถูกต้องต่อไปการกล่าวและตีพิมพ์ตามคำฟ้อง ของจำเลยทั้ง 7 เป็นไปในลักษณะการเสนอข้อเท็จจริงโดยสุจริตหรือติชมด้วยความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สังคมโดยรวมอันเป็นการปกป้องพื้นที่ป่าอันเป็นทรัพยากรที่มีจำกัดและมีความสำคัญสำหรับพื้นที่ป่าบนเกาะสมุยที่เหลืออยู่จำนวนน้อยการกระทำของจำเลยทั้ง7ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นส่วนฎีกาข้ออื่นของโจทก์ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไปศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยพิพากษายืน

มติชนออนไลน์