คสช.แจงปม ออกหมายเรียก “ธนาธร” ผิด ม.116 ชี้เหตุชุมนุมครบ 1 ปี รปห.57

วันที่ 3 เมษายน 2562 ทีมกฏหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกรณีที่พ.ต.ท.เจริญสิทธิ จงอิทธิ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ออกหมายเรียก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มารับทราบข้อกล่าวหา ตามความผิด ม.116 ว่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 24 มิ.ย.2558

โดยขณะนั้นนายรังสิมันต์ โรม และพวกกลุ่มดาวดินรวม 7 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำกิจกรรมทางการเมือง หน้าหอศิลป์ฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2558 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหา 5 คน ในข้อหา มั่วสุมชุมเกิน 5 คน ตามคำสั่งคสช.ฉบับ 3/2558 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ซึ่งมีโทษปรับ 10,000 บาท หรือจำคุก 6 เดือน

จากนั้นผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมพวกกว่า 20 คน มารวมตัวชุมนุมปิดล้อม สน.ปทุมวัน ต่อมาหลังการชุมนุมยุติ ทางตำรวจ-ทหาร ได้ออกติดตามเพื่อจับกุมบุคคลที่มีหมายจับ ซึ่งขณะที่ตำรวจ-ทหารจะเข้าไปจับ นายรังสิมันต์ โรม แต่ไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถตู้ที่รอรับขับหนีออกไป

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยข่าวได้ติดตามและจดหมายเลขทะเบียนรถตู้ดังกล่าวพบว่าเป็นของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้ครอบครองอีกทั้งในวันเกิดเหตุ นายธนาธร ได้สังเกตการณ์อยู่ภายนอก และมีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย จึงเป็นที่มาของการออกหมายเรียกครั้งนี้

ทีมกฏหมายคสช. กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ทางฝ่ายกฏหมายคสช. เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ดูแลเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ ที่เผยแพร่คลิป นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ แถลงข่าวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท -140,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีนี้ ทางนายปิยบุตร ได้ส่งหลักฐานชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนบก.ปอท.แล้ว

ทั้งนี้ เหตุชุมนุมทางการเมืองดังกล่าว คือเหตุการณ์ในช่วงครบรอบ 1 ปีการรัฐประหารของคสช.และการเกิดขึ้นของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ โดยเว็บไซต์ประชาไทได้ลำดับเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หากเจาะจงเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ไว้ดังนี้

22 พ.ค. 2558 – มีการเคลื่อนไหวของนักศึกษา นักกิจกรรม 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ ดาวดิน 7 คน ชูป้ายคัดค้านรัฐประหาร ที่อนุสารีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น และกลุ่มหน้าหอศิลปฯ ทำกิจกรรม “ศุกร์ 22 มาฉลองกันมะ” เป็นการนัดรวมตัวมายืนมามองนาฬิกา เป็นเวลา 15 นาที เพื่อรำลึกถึงประเทศไทย ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่าน จากเหตุการณ์ทั้งสอง มีผู้ถูกจับกุมและตั้งข้อกล่าวหาที่ขอนแก่น 7 คน และที่กรุงเทพ 37 คน ซึ่งในจำนวน 37 คน ต่อมาถูกตั้งข้อกล่าวหา 9 คน

รายชื่อผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาประกอบด้วย 

9 คนที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย 1.พรชัย ยวนยี 2.ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ 3.รัฐพล ศุภโสภณ 4.ปกรณ์ อารีกุล 5.อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ 6.รังสิมันต์ โรม 7.ชาติชาย แกดำ 8.นัชชชา กองอุดม 9.ชลธิชา แจ้งเร็ว

7 คนที่ขอนแก่น ประกอบด้วย 1.ศุภชัย ภูครองพลอย 2.อภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ 3.ภานุพงษ์ ศรีธนานุวัฒน์ 4.วสันต์ เสตสิทธิ์ 5.จตุรภัทร บุญภัทรรักษา 6.จตุรภัทร บุญภัทรรักษา 7.สุวิชา พิทังกร

24 มิ.ย. 2558 – เป็นวันที่ 8 นักศึกษา นักกิจกรรม (ชาติชาย แกดำ ได้เข้าไปรายงานตัวตามหมายเรียกก่อนหน้านี้แล้ว และได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม บนศาลทหาร) หน้าหอศิลป์ฯ นัดหมายกันไปเข้าแจ้งความ กรณีถูกเจ้าหน้าเข้าจับกุมโดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุในเวลา 13.00 น.

แต่ช่วงเช้า นัชชชา กองอุดม กลับถูกเข้าควบคุมตัวที่ รพ.วิภาวิดี หลังเจ้าตัวข้ารักษาทอนซินอักเสบตั้งแต่ 22 มิ.ย. โดยนำตัวมาฝากขังศาลทหาร ศาลให้ประกันตัวแต่มีเงื่อนไขห้ามชุมนุมทางการเมือง และห้ามยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดการชุมนุมทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยในขณะที่ถูกควบคุมตัว ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นัชชชา ได้ถูกควบคุมตัวรวมกับบุคคลที่เข้าสู่กระบวนการฝากขังเพศชาย ซึ่งในระหว่างการตรวจสภาพร่างกาย นั้น คุณนัชชชาได้ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เข้าสู่กระบวนการฝากขัง คุกคามทางเพศโดยทางวาจาอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ในตลอดระยะเวลาที่ทำการตรวจร่างกาย แม้ว่าทนายความของนัชชชาจะเสนอขอให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงเป็นผู้ดำเนินการแล้วก็ตามหากเจ้าหน้าที่ของทางเรือนจำยังคงให้เจ้าหน้าที่ชายเป็นผู้ตรวจร่างกาย  โดยให้ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดให้สวมเพียงกางเกงในเท่านั้น

ในช่วงบ่ายของวันที่ 24 มิ.ย. 2558  7 ดาวดิน จากขอนแก่น ปรากฎตัวหน้า สน.ปทุมวัน เข้าให้กำลังใจกลุ่มเพื่อน 7 คนจากหน้าหอศิลป์ รวมตัวกันเป็น 14 คน จากกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และได้ประกาศจุดยืนหน้า สน.ปทุมวัน ว่าเหตุที่มาในวันนี้ไม่ได้เข้ามารายงานตัวตามหมายเรียกแต่อย่างใด เพราะไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ แต่ต้องการจะมาแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมพวกตนโดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุ พร้อมกันนี้ทางกลุ่มได้นำเอารูปภาพที่เป็นหลักฐานยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุจริง โดยมีความตั้งใจเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษตำรวจและทหารระดับผู้บังคับบัญชา 3 นายคือ พ.ต.อ. จารุต ศรุตยาพร, พ.ท.ภาสกร กุลรวิวรรณ, พ.อ.สุวิทย์ เกตุศรี ซึ่งได้ควบคุมเหตุการณ์ในวันดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 90, 91, 157, 295,296,309,310

ทั้งนี้ด้านหน้า สน.ปทุมวันได้มีการตั้งแผงเหล็กกั้น พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบเฝ้าประจำการอยู่ประมาณ 1 กองร้อย ข้อเรียกร้องแรกของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ คือการขอเข้าไปแจ้งความ โดยขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทาง และเปิดพื้นที่ให้มวลชนที่มารอให้กำลังใจ เข้าไปรออยู่ด้านหน้า สน. ได้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับในข้อเรียกร้อง และต้องการเพียงแค่เปิดทางให้เฉพาะผู้เข้าแจ้งความเท่านั้นที่สามารถเข้าไปใน สน. ได้ จนถึงเวลาประมาณ 18.00 เจ้าหน้าที่จึงยอมรับตามข้อเสนอกลุ่ม จนกระทั่งเสร็จสิ้นในเวลา 21.40 น. ได้มีการประกาศสลายตัว

ขณะที่ก่อนกลับ 7 คนจากกลุ่มดาวดินได้ประกาศทวงถามหมายจับ จากที่มีข่าวลือว่ามีการออกหมายจับแล้ว และหมายจับมาถึงที่สน.ปทุมวัน แล้ว พร้อมเรียกร้องให้ พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ ซึ่งอยู่ภายใน สน. ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่าเป็นความจริงไม่ ทั้งนี้ ไผ่ จตุรภัทร บุญภัทรรักษา ได้กล่าวว่า ตนและเพื่อนไม่ได้กลัวการถูกจับกุม ถ้าจะก็ขอให้จับตอนนี้เลย ขอร้องอย่าจับกุมระหว่างทาง เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ของตนเองและเพื่อนๆ แต่ไม่การออกมาชี้แจงจากพันเอกบุรินทร์ แต่อย่างใด

ทั้งนี้ได้มีเหตุการณ์ชุลมุนอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่ง 7 คนจากกลุ่มดาวดินได้ประกาศขอเดินเข้าไปด้านใน สน. เพื่อขอดูหมายจับ ว่ามีจริงหรือไม่ ได้มีการพยามผลักแผงเหล็กกั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ดันแผงเหล็กเอาไว้ แต่ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ และมวลชนแต่อย่างใด

25 มิ.ย. 2558 – ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่หน้าทางเข้าสวนเงินมีมา มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเฝ้าประจำการอยู่ตลอด แต่ไม่ได้มีการเข้าไปจับกุม 14 คนในขบวนการประชาธิปไตยใหมแต่อย่างใด ทั้งนี้ในช่วงเช้าทางกลุ่มฯ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ถึงจุดยืนอีกครั้ง โดยประกาศว่าพร้อม และยินดีที่จะถูกจับกุม แต่จะไม่เข้ามอบตัวเอง เนื่องจากไม่ยอมรับอำนาจ คสช. ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ยังไม่ดำเนินการเข้าจับกุม ทางกลุ่มประกาศว่าจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยประกาศนัดพบกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 17.00 น.

ต่อมาในเวลา 14.20 อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 พร้อมนายทหารนอกเครื่องแบบ เดินเข้ามาขอให้นักศึกษาคุยกันก่อน โดยขอว่า อย่าเพิ่งออกไปเคลื่อนไหว แต่ไม่เป็นผล พร้อมกันนั้นขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้รวมตัวร้องเพลง และเดินออกไปขึ้น ปอ.6 เพื่อไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจนอกเครื่องแบบขับรถจักยานยนต์ตามไปด้วย

ปกรณ์ อารีกุล 1 ใน 14 คน ในขบวนการประชาธิปไตยใหม่ที่ถูกออกหมายจับ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะเป็นการทัวร์ทางประวัติศาสตร์ โดยจะเริ่มต้นกันที่ ลานประติมากรรมประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทลัยธรรศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จากนั้นจะไปต่อที่ อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

กิจกรรมการทัวร์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ถูกเฝ้าจับจากเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นอกเครื่องแบบตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่มีการบุกเข้าจับกุม หรือสั่งห้ามทำกิจกรรมแต่อย่างใด มีเพียงการเดินเข้าบอกกับทางกลุ่มฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบว่า สิ่งที่ขบวนการประชาธิปไตยทำอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย

เมื่อเดินทางมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้ออกมาเล่าถึงเหตุผลที่ออกมาต่อต้านการทำ รัฐประหาร โดยให้เหตุผลว่า ในระบอบเผด็จการมีการใช้อำนาจเอื้อผลประโยชน์ให้กับนายทุน และประชาชนเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ไม่มีช่องทางที่จะออกมาเรียกร้องอะไรได้เลย เช่นกรณีการขุดเจาะปิโตรเลียมบ้านนามูล-ดูลสาด กรณีเหมื่องแร่เมืองเลย ฉะนั้นการต่อสู้ในประเด็นเรื่องสิทธิชุมชน และผลกระทบจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ จึงการเป็นเรื่องเดียวกันกับการคัดค้านรัฐประหาร

เมื่อรัฐบาลทหาร ออกมาปกครองบ้านเมือง มีการออกกฎหมายโดยไม่มีการรับฟังเสียง หรือความคิดเห็นของประชาชน อย่างเช่นเรื่องการผลักดันกฎหมายมหาวิทยาลัยนอกระบบ

อีกทั้งภายใต้ระบอบเผด็จการ กระบวนการยุติธรรมไม่มีความชอบธรรมอย่างแท้จริง รัฐบาลอ้างกฎหมายพิเศษ ในการจัดการกับผู้คนที่เห็นต่าง ผู้บริสุทธิ์ หลายคนต้องติดคุก เมื่อไม่มีประชาธิปไตย ความยุติธรรมจึงไม่เกิดขึ้น

ขณะที่ รังสิมันต์ โรม ได้ประกาศที่หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า “มาตรา 44 ไม่ใช่กฎหมาย ประชาชนทุกคนจึงไม่ต้องพึงเคารพ ประกาศหรือความสั่งของคณะรัฐประหาร ไม่ว่าฉบับใด ประชาชนไม่พึงเคารพ เราจะเคารพแต่กฎหมายที่ออกโดยผู้แทนของประชาชนเท่านั้น รัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นรัฐบาลได้ เป็นแต่เพียงกบฎยึดอำนาจเท่านั้น เมื่อกบฎทำผิดมาตรา 113 ตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีโทษประหารชีวิต จะมาออกคำสั่งหรือประกาศใดๆ ให้ประชาชนปฏิบัติตาม ประชาชนพึ่งมีหน้าที่เพื่อต่อต้านคำสั่งหรือประการนั้น”

ทั้งนี้ในเวลา 19.06 น. กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ได้ยุติกิจกรรม และเดินคล้องแขนกันขึ้นรถกลับที่พัก

ขอบคุณข้อมูลจาก – ประชาไท