คนหายจน ? หรือคนจนเพิ่ม ? : “จน” แต่ “ไม่จนแต้ม”

จู่ๆ 1 ใน 4 กุมาร

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ออกมาแถลงแก่สื่อมวลชน

คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม

เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี

“ว่าด้วยการบูรณาการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ. …” ที่สภาพัฒน์เสนอ

ถือเป็นครั้งแรก

ที่มีการจัดตั้งหน่วยงานกลาง เพื่อดูแลลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน

โดยมีนายกฯ เป็นประธานกรรมการในระดับนโยบาย

ส่วนกรรมการบริหาร มี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

ถือเป็นงานใหญ่ งานยักษ์

และที่สำคัญ เป็นการยอมรับกลายๆ

หลังคนรัฐบาลและสภาพัฒน์เถียงคอเป็นเอ็น เมื่อนายบรรยง พงษ์พานิช เอาสถิติของสถาบันการเงินระดับโลกมาแฉ

ปัญหาความเหลื่อมล้ำของไทยสูงสุดในโลก

รัฐบาลโต้ว่าไม่จริง ใช้ตัวเลขเก่า และเทียบวัดข้อมูลไม่ได้มาตรฐาน

แต่แผล็บเดียว

มีมติตั้งคณะกรรมการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน

ขึ้นมาหน้าตาเฉย

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ถูกเย้ยจากโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ทันที “ช้าไปเสียแล้ว”

กระนั้น จะเย้ยอย่างไร ในช่วงหน้ามืดหาคะแนนเสียงเช่นนี้

อะไรทำได้ก็ต้อง “ทน” ทำ

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า ในวันเดียวกับที่ ครม.มีมติ เรื่องแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำและยากจน

ครม. อัดฉีดของขวัญให้ชาวบ้านเพิ่มอีกล็อตใหญ่

และที่สำคัญ กรมบัญชีกลางจะกดปุ่ม 21 ธันวาคม 2561 แจกบัตรคนจนเพิ่มอีก 3.04 ล้านใบ

โดยให้รูดปรื๊ดได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2562

ตัวเลขคนจนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศจะต้องทำให้หายจนในปี 2562

เพิ่มพรวดเป็น “11 ล้าน + 3 ล้าน” เท่ากับ 14 ล้านคน ในพริบตา

มากขนาดนี้ ต่อให้เป็นพ่อมดก็เสกให้หายจนไม่หมด

นอกจาก “แจกแหลก” ให้พอบรรเทาความทุกข์ยาก

ส่วนจะต่างตอบแทนคืนด้วย “คะแนนเสียง” หรือไม่

จุ๊ จุ๊ เขาไม่บอกกัน

แต่เพื่อป้องกันเสียงเย้ย ทำไมยิ่งแก้ คนยิ่งจน ยิ่งเหลื่อมล้ำ

เลยมีมติตั้งกรรมการแก้ไขความเหลื่อมล้ำ-ยากจน ขึ้นมาคู่ขนานเสียดื้อๆ

อย่างน้อยก็พอได้โต้ ทำแล้วไง จะเอาอะไรอีก…ปัดโธ่