‘ประชาชาติ’โต้’วิษณุ’ กก.ยุทธศาสตร์ชาติต้องยื่นทรัพย์สิน

‘ประชาชาติ’โต้’วิษณุ’ กก.ยุทธศาสตร์ต้องยื่นทรัพย์สิน เพราะคุมแผนงานโครงการและงบฯมหาศาล

นายสุพจน์ อาวาส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ระบุว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติต้องยื่นทรัพย์สิน เพราะต้องควบคุมและกำกับ หรือ ตรวจสอบแผนงาน โครงการและงบประมาณมากมาย อย่าทำตัวเหมือนเห็บรถถัง และต้องยุติการแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทั้งๆที่มิได้มีอำนาจ ด้วยการเรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของป.ป.ช.ไปปรับทัศนคติที่ทำเนียบรัฐบาลและยังแสดงความคิดเห็นต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งเชิงตำหนิติเตียนและไม่เคารพการใช้อำนาจโดยชอบตามกฎหมายของป.ป.ช.ในการออกประกาศกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 ในกรณี “ผู้ดำรงตำแหน่งสูง” ล่าสุด 7 กลุ่ม ประกอบด้วย

1.กองทุน ได้แก่ กองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันชีวิต กองทุนประกันวินาศภัย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กองทุนยุติธรรม กองทุนสงเคราะห์ กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย

2.ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่ ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

3.สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แก่ ประธานกรรมการและกรรมการก.ล.ต. เลขาธิการก.ล.ต.

4.สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้แก่ ประธานกรรมการ กรรมการคปภ. และเลขาธิการคปภ.

5.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ได้แก่ ประธานกรรมการและกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

6.สถาบันพระปกเกล้า ได้แก่ ประธานสภาสถาบัน รองประธานสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน และเลขาธิการสถาบัน และ

7.สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ ได้แก่ นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมถึงอธิการบดี

​โดยกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทั้งหมดมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายใน 30 วันนับแต่วันประกาศ คือ ต้องยื่นภายในวันที่ 2 ธันวาคม 2561 และต่อมาก็ใจดีขยายให้อีก 30 วัน รวมเป็น 60 วัน ตกลงยังไงก็ต้องยื่นอยู่ดีภายในวันที่ 31 มกราคม 2562 เรื่องก็ควรจะจบ แต่ไม่จบทั้งยังชี้นำการทำงานขององค์กรอิสระประหนึ่งรู้ล่วงหน้าว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชุดนี้ต้องประกาศยกเลิกบางตำแหน่งแน่ๆ ดังที่ตนได้พูดไว้ และยังห้ามปรามผู้ดำรงตำแหน่งสูงทั้งหลายที่ประสงค์จะปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนไม่ให้ลาออกจากตำแหน่ง

เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบทพิสูจน์ว่าป.ป.ช.ชุดปัจจุบันมีความเป็นอิสระดังที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 215 ได้บัญญัติไว้หรือไม่ ที่ว่า “องค์กรอิสระเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นให้มีความอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย” และ “การปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจขององค์กรอิสระต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ” ประชาชนทุกคนคงจะได้ประจักษ์ในเร็ววันนี้ และคงเป็นความผิดสำเร็จที่ต้องดำเนินคดีอาญาต่อไป เพราะคำว่าโดยทุจริตตามกฎหมายอาญานั้นหมายความว่า “เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น”

มติชนออนไลน์