บทบาท ของ ไทยรักษาชาติ ชิงอันดับ 2 กับ พลังประชารัฐ

บทบาท ของ ไทยรักษาชาติ ชิงอันดับ 2 กับ พลังประชารัฐ

ไม่ว่าเสียงจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าเสียงจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าเสียงจาก พรรคภูมิใจไทย

ยอมรับโดยอัตโนมัติว่าพรรคเพื่อไทยคือพรรคที่จะได้ ส.ส.จำนวนมากเป็นอันดับ 1

นี่ย่อมตรงกับที่ปรากฏผ่าน”นิด้าโพล”

ความหมายจากการยอมรับโดยอัตโนมัติเช่นนี้นำไปสู่ความรับรู้ตามมาว่า แล้วพรรคการเมืองไหนจะเป็นพรรคซึ่งชิงอันดับ 2 ต่อจากพรรคเพื่อไทย

เป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคภูมิใจไทย หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย

น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

ใน 4 พรรคที่เสนอตัวเข้ามานี้สามารถตัดพรรครวมพลังประชาชาติ ไทยออกไปได้โดยพื้นฐาน

แม้จะมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นกำลังสำคัญ

เพราะผลสะเทือนจากปฏิบัติการ”เดินคารวะแผ่นดิน”ปรากฏ ออกมาอย่างเด่นชัดว่า ไม่มี”มวลมหาประชาชน”อย่างที่เคยเห็นใน ห้วงก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

จึงน่าจะเหลือเพียง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย ชิงตำแหน่งพรรคอันดับ 2

ความจริงทั้ง 3 พรรคนี้น่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์

แต่เมื่ออ่านจากความขัดแย้งอันเป็นผลสะเทือนจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยเฉพาะในห้วงแห่งการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็เริ่มไม่แน่ใจ

เพราะไม่เพียงแต่จะถูกดูดจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย หากแต่ยังถูกดูดจากพรรคพลังประชารัฐ
จึงมีพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย ชิงตำแหน่งที่ 2

แต่พลันที่พรรคไทยรักษาชาติแต่งตั้ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ให้เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ประสานกับการเดินสาย ของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

แสงแห่งสปอตไลต์ก็เริ่มฉายจับไปยังพรรคไทยรักษาชาติ

ที่มองว่าพรรคไทยรักษาชาติเน้น”บัญชีรายชื่อ”ไม่สนใจ”เขต” เริ่มไม่ใช่แล้ว

ไทยรักษาชาติจึงเป็นอีกพรรคที่จะชิงอันดับ 2 อย่างเป็นจริง

ไม่ว่ากับประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ หรือ ภูมิใจไทย