วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ / สู่ร่มกาสาวพัสตร์ เหตุธุดงค์ครั้งแรก

วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

 

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

เหตุธุดงค์ครั้งแรก

 

กิจสำคัญของการบวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนาคือการบำเพ็ญภาวนาเพื่อนำจิตไปสู่ความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง

เท่าที่พระปานได้เรียน ได้ศึกษามาบ้าง รู้ว่าการภาวนาด้วยการทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบมีมากถึง 40 วิธี วิธีหนึ่งที่พระปานปฏิบัติมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือการกำหนดลมหายใจเข้า-ออกที่เรียกว่าอานาปานสติ

แม้การทำสมาธิด้วยอานาปานสติจะปฏิบัติได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่ แต่สถานที่หนึ่งคือโคนไม้ในป่าอันเป็นสัปปายะ เหมาะกับการบำเพ็ญธุดงควัตรประคับประคองรักษาสมาธิไม่ให้วอกแวก

พระนักศึกษามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยต้องไปปฏิบัติที่สำนักสงฆ์อีกแห่งหนึ่งของวัดเขาสุกิม อยู่ชายทะเลหาดแหลมเสด็จบริเวณอ่าวคุ้งกระเบนกับหาดเจ้าหลาว เป็นหาดสาธารณะ มีทิวสนบนลาน

พระปานมีโอกาสติดตามไปร่วมศึกษาธุดงค์กับพระนักศึกษาด้วย

นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พระนักศึกษาหนุ่มนอกจากจะปักกลดในเวลากลางคืนที่ชายหาดฟังเสียงคลื่นลมซัดฝั่ง ยามกลางวันยังได้เล่นน้ำทะเลดำผุดดำว่ายในที่ไม่มีฆราวาส ตามวิสัยหนุ่มสนุกช่วงบ่ายและช่วงเย็น

เรื่องอาหารการฉันไม่ต้องห่วง ทางวัดส่งแม่ครัวมาทำอาหารถวาย ยามบ่ายยังจัดน้ำปานะมาประเคน

 

ปักกลดได้สองคืน อีกวันหนึ่ง พระปานกับพระนักศึกษาบางรูปอยากรู้ว่าจากสำนักสงฆ์วนรอบแหลมจะใช้เวลาสักเท่าไหร่ จะพบอะไรบ้าง จึงนัดกันหิ้วกระติกน้ำไปด้วยเผื่อกระหาย แล้วออกเดินจากสำนักสงฆ์อ้อมไปทางทิศตะวันตกของปลายแหลม

การเดินไปตามริมทะเลมิใช่สะดวกเหมือนกับเดินบนชายหาดทรายซึ่งเป็นทรายละเอียด สีออกน้ำตาลแดง บางช่วงที่อ้อมแหลมมิได้เป็นชายหาด แต่เป็นโขดหินขึ้น-ลงต้องไต่ต้องปีน ทั้งยังมีคลื่นทะเลซัดสาดขึ้นมาบริเวณนั้น บางจุดเจอหินแหลมคมต้องระวัง

เวลาผ่านไปพักใหญ่สักชั่วโมงเศษ ทั้งพระปานและพระนักศึกษามองไปข้างหน้าเป็นทะเลอีกด้านหนึ่งของแหลม ด้านบนฝั่งมีหมู่บ้านชาวประมงไม่ใหญ่นัก ชาวประมงเห็นพระเดินผ่านขึ้นมาหลายรูป ต่างลงนั่งยองๆ ยกมือไหว้ ถามด้วยสำเนียงเหน่อว่าจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ ขอรับ

พระนักศึกษารูปหนึ่งตอบว่า มาเดินดูอีกฟากหนึ่งของแหลม ไม่รู้ว่ามีหมู่บ้านด้วย แล้วถามไถ่พูดคุยอีกประเดี๋ยว บริเวณหมู่บ้านมีทั้งสุนัขทั้งไก่ สุนัขบางตัววิ่งไล่ไก่ตามประสา พระปานกับพระนักศึกษามองขึ้นไปบนหาดเห็นศาลมีปลัดขิกใหญ่น้อยวางเต็มไปหมด เมื่อเห็นชาวบ้านต่างบูชาปลัดขิกให้นึกขำ แต่ไม่ถึงกับหัวเราะหรือยิ้มออกมา ด้วยเกรงว่าจะไปดูหมิ่นดูแคลนชาวบ้านเขา

เมื่อพระปานสอบถามเส้นทางจะกลับไปสำนักสงฆ์ ได้ความว่าอีกไม่ไกล ให้ตัดแหลมผ่านที่รกชัฏไปไม่นานก็ถึงอีกฟากหนึ่ง

เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ทั้งพระนักศึกษาหนุ่มและพระปานได้ผจญสถานที่แปลกใหม่ นอกจากป่าบนภูเขาที่ได้ห้อยโหนเถาวัลย์เล่นโล้ชิงช้า ยังมาได้เดินเลียบชายแหลม ปีนภูเขา เล่นน้ำทะเล แม้ว่าพึงต้องสำรวมบ้างด้วยยังนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ เป็นภิกษุ แต่ใจยังสนุกสนานตามประสาคนหนุ่ม

คงไม่ถึงกับอาบัติมากมาย ถึงวันพระปาฏิโมกข์ ปลงอาบัติเสียก็หาย พระปานคิดเช่นนั้น และคิดว่าพระนักศึกษาคงคิดเช่นเดียวกัน

 

รุ่งขึ้น ทั้งพระนักศึกษาและพระปานเก็บสัมภาระ หลังฉันมื้อสายเสร็จแล้วจึงขึ้นรถกลับวัดเขาสุกิม ขากลับ รถสองแถวขนาดเล็กบรรทุกข้าวของเครื่องครัววิ่งไปตกข้างทาง กลับถึงวัด หลวงพ่อสมชายสอบถามค่ำวันนั้นว่ามีเหตุอะไรไหม เมื่อได้รับคำตอบจึงเปรยขึ้นมา จะเตือนให้ระวังอย่าประมาท มีเหตุจนได้

พระปานไม่ทราบถึงความหมายของพระอาจารย์สมชาย คิดว่าคงตักเตือนเหมือนกับผู้ปกครองทั่วไป

กลับถึงวัด พระปานทราบว่า ท่านเจ้าคุณสมจิตร พระอาจารย์ที่มาดูแลพระนักศึกษาเรียกหา ยังไม่ทราบว่าเรื่องอะไร เมื่อไปพบที่กุฏิท่าน จึงทราบว่า ให้เตรียมกลดและสัมภาระบางอย่าง เช่น ตะเกียง ไฟฉาย คืนนี้จะพาเดินขึ้นเขาไปปักกลดฝึกธุดงค์บนลานยอดเขา

ใจหนึ่งพระปานคิดว่าโชคดีที่จะได้ไปฝึกธุดงค์กับพระอาจารย์ แต่ใจหนึ่งนึกกลัวว่าจะเจอะเจออะไรที่น่ากลัวกว่าคืนนั้น เมื่อคิดอีกทีหนึ่ง ดีเหมือนกันที่เคยรู้สึกถึงความกลัวมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คงพอจะตั้งสติได้ดีกว่าคราวก่อน ทั้งยังมีอาจารย์อยู่ด้วย

ค่อยอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

 

ถึงเวลา นอกจากพระอาจารย์เจ้าคุณสมจิตรแล้ว ยังมีพระหนุ่มของวัดอีกรูปหนึ่งขึ้นไปด้วย นัยว่าเป็นผู้คอยดูแลเป็นเพื่อนธุดงค์ เผื่อมีเหตุอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันทัน

ทางเดินขึ้นเขามิได้ราบเรียบเหมือนทางเดินไปศาลาการเปรียญ ทั้งยังเลี้ยวลด ผ่านต้นไม้ใหญ่ที่โค่นขวางทาง ทั้งมืดกว่าที่ควร แม้จะมีไฟฉายส่องทาง ก็มิได้ส่องสว่างเหมือนกับดวงไฟที่เห็นทางตลอด มองไปรอบด้านได้ไม่ไกลนัก ความมืดปรากฏตรงหน้า มีทั้งเถาวัลย์ที่มองไม่เห็นปะทะบนใบหน้า เฉียดศีรษะไปบ้าง

เหงื่อโซมกายพระปาน จิตใจปั่นป่วน กลัวว่างูเงี้ยวเขี้ยวขอ แมลงกลางคืนจะมากัดต่อย เดินสะดุดรากไม้จะล้ม แต่ยังผ่านไปได้ เสียงท่านเจ้าคุณถามมาจากข้างหน้าว่าเป็นยังไงบ้างท่าน พระปานไม่ตอบว่ากระไร เพียงแต่บอกไปพร้อมเสียงหายใจเหนื่อยว่ายังไปได้อยู่ครับ

กระทั่งขึ้นไปถึงบนลานไม่กว้างนัก ทั้งเป็นกลางคืน มองได้ไม่ไกลเหมือนกลางวัน เห็นพระหลวงพี่ที่มาเป็นเพื่อนจุดตะเกียงแล้วปัดกวาดบริเวณแขวนกลด ท่านเจ้าคุณปฏิบัติเช่นเดียวกัน แล้วบอกให้พระปานจุดตะเกียง ส่องไฟฉายหาบริเวณแขวนกลด มองไปที่พระหลวงพี่ เห็นแขวนกลดเสร็จ ตลบกลดขึ้นด้านบน ปูผ้าเป็นที่นั่งที่นอน วางตะเกียงไว้ในกลด เอามุ้งรอบกลดลงแล้วเริ่มนั่งสมาธิ

ท่านเจ้าคุณแขวนกลดเสร็จ เตรียมตัวนั่งสมาธิ ถามพระปานว่าเป็นยังไง พระปานตอบว่าเกือบเสร็จแล้วครับ ที่จริงยังทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่ เพียงเริ่มแขวนกลด แล้วปูผ้าในกลด เหงื่อยังโทรม หากน้อยลงไปบ้าง

มองออกนอกกลดสักห้าเมตรทั้งซ้าย-ขวา พระหลวงพี่และท่านเจ้าคุณเริ่มนั่งสมาธิ ขณะที่พระปานยังละล้าละลังว่าจะทำอะไรต่อไป เสียงจักจั่นเรไร เสียงสัตว์ไกลออกไปดังขึ้นเป็นพักเป็นคราว

คงใกล้ห้าทุ่มแล้วกระมัง พระปานเตรียมตัวเสร็จ เริ่มนั่งสมาธิ ขณะที่ทั้งสองกลดซ้าย-ขวา ท่านทั้งสองรูปนั่งนิ่งท่ามกลางแสงวับแวมของตะเกียง แต่พระปานจิตยังวอกแวก ไม่เป็นสมาธิ เพียงครู่นั้น เกิดปวดท้องคล้ายท้องเสียฉับพลัน เหมือนทุกครั้งที่พระปานมีเหตุวิตกกังวลหรือตื่นเต้นอย่างรุนแรง

ที่สุดเมื่อทนกลั้นไว้ไม่ไหว พระปานจึงลุกออกจากกลดเดินไกลไปสักสี่ห้าเมตร แล้วหาขอนไม้ลงนั่งบนขอนไม้นั้น ถกสบง ถ่ายพรวดออกมากองใหญ่ ค่อยโล่งท้องโล่งใจไปที