มาดามหลูหลี : What She Put on the Table : มื้ออร่อยที่เอมอิ่มใจ

มาดามหลูหลี[email protected]

ก่อนที่ซีรี่ส์เกาหลีจะโด่งดัง ละครจากฮ่องกง-ไต้หวันครองใจครองตลาดอยู่พักใหญ่ ซึ่งก็ยังมีแฟนคลับติดตามอยู่ และขณะนี้ซีรี่ส์จีนจากแผ่นดินใหญ่ก็โดดเด่นขึ้นมา มีหลายเรื่องให้ชาวโซเชียลพูดถึง รวมทั้งหนังสือนิยายจีนที่คนตามอ่านจนติดกันงอมแงม

What She Put on the Table มินิซีรี่ส์ไต้หวันจำนวน 6 ตอน ที่เล่าเรื่องชีวิตของหญิงสาวสองคนที่ได้มาเกี่ยวข้องผูกพันกัน โดยมีเรื่องราวของอาหารเป็นสิ่งเชื่อมโยง และเล่าเรื่องอดีตปี 1950 กับเรื่องปัจจุบันปี 2017 ไปพร้อมๆ กัน

ละครเปิดเรื่องปี 2017 หวังฉวานเป่า (เหยาเจนชาง) ชายหนุ่มอดีตโบรกเกอร์นายหน้าค้าหุ้น พยายามเกลี้ยกล่อมหลอกล่อลูกค้าให้ลงทุนในหุ้นที่ยังไม่เข้าตลาด เพราะตกงานถังแตกเป็นหนี้นอกระบบ และกำลัง ถูกเจ้าหนี้ตามทวง

หวังฉวานเป่าหลานชายคนเดียวของอาม่าหลินชุน (หมั่นไช่หวัง อดีตดาราดัง) กลับมาเยี่ยมอาม่าที่ถูกรถชน อาม่าไม่ยอมนอนพักต่อที่โรงพยาบาล

เมื่ออาม่าหลินชุนนึกถึงช่วงชีวิตในอดีตของตนเองปี 1950 จะเห็นว่าเธอเข้มแข็งอดทนเพียงใด การนอนเฉยๆ ในโรงพยาบาลจึงเป็นเรื่องไม่จำเป็น

 

หลินชุนเด็กสาวบ้านนอกอยู่กับพี่ชายหลินฟาน (สตีเว่นเชียง) ซึ่งเหมือนคนไม่ปกติ ทั้งลำบากยากจน ทำงานหนักเท่าไรก็ไม่พอกินและไม่พอใช้หนี้ลุง หลินชุนถูกลุงขายให้ชายแปลกหน้า โชคดีที่หวังกู๋เซี่ย (ฮันส์ชุน) ทหารหนีทัพจากกองทัพจีน ได้ช่วยหลินชุนรอดจากการถูกข่มขืน!

หวังกู๋เซี่ยที่ช่วยหลินชุน และหลินชุนกับหลินฟานได้ช่วยตอบแทนให้ที่พักแก่เขา ต่างคนต่างให้ความช่วยเหลือกัน โดยไม่มีใครรู้ว่าในอนาคต ความช่วยเหลือนั้นจะส่งผลต่อชีวิตของทั้งสาม

ระยะนั้น เป็นช่วงที่คนจีนจากแผ่นดินใหญ่หนีสงครามและความยากจนมาเกาะไต้หวัน หลินชุนได้รู้จักหลิวอี้ฟู่ (หยูหลินเยน) ที่ร้านขายข้าวสาร เขาสอนหลินชุนผู้ไม่รู้หนังสือ ให้เรียนภาษาจีนแมนดาริน หรือจีนกลาง เพราะคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ใช้ภาษาจีนกลาง ส่วนคนไต้หวันพูดภาษาฮกเกี้ยน

หลิวอี้ฟู่ยังให้ความช่วยเหลือแก่หลินชุนอีกหลายๆ เรื่อง จนเธอแปลกใจที่คนแปลกหน้ายื่นมือให้ความช่วยเหลือ หากหลิวอี้ฟู่บอกว่า คนไต้หวันต้องช่วยคนไต้หวันด้วยกัน ทั้งยังบอกให้หลินชุนเห็นคุณค่าในตัวเอง อยู่อย่างมีเป้าหมายและมองโลกแง่บวกเสมอ

หลิวอี้ฟู่เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านคอมมิวนิสต์ ทำงานใต้ดินกับกลุ่มเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ เขาอยากให้คนไต้หวันอยู่ดีกินดี, มีความรู้อยู่อย่างเท่าเทียม และมีศักดิ์ศรีเทียบเคียงอารยประเทศ

 

โชคชะตาลิขิตให้หลินชุนได้พบกับฟูเผยเหมย (แอมเบอร์ แอน) หญิงสาวสวยจากจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้มีการศึกษา มีงานดีๆ ทำและได้แต่งงานกับเฉินช่าวชิง (คริสต์ฉี-เฉินลี) คนเมืองต้าเหลียนเหมือนกัน ได้มีครอบครัวที่ดีแบบชนชั้นกลาง และหลินชุนได้ทำงานเป็นแม่บ้านให้ฟูเผยเหมย ซึ่งฟูเผยเหมยถือเสมือนว่าหลินชุนเป็นคนในครอบครัวของเธอ

เมื่อแต่งงานแล้ว ฟูเผยเหมยทำหน้าที่แม่บ้าน มีเพื่อนๆ ของเฉินช่าวชิงมาเล่นไพ่นกกระจอก (Mahjong) โดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพที่บ้านและเลี้ยงอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะสั่งอาหารจากภัตตาคาร

หากฟูเผยเหมยอยากทำอาหารเลี้ยงเพื่อนๆ ของสามี ซึ่งแอบวิจารณ์ว่าอาหารของเธอไม่อร่อย เธอจึงเกิดแรงฮึดต้องทำอาหารให้อร่อยให้ได้ เพื่อสามีและลูกๆ ได้กิน

ในยุคนั้นการเรียนทำอาหารไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และคนส่วนใหญ่จะหวงวิชา ฟูเผยเหมยไปขอเรียนกับเชฟระดับภัตตาคารดัง ให้เชฟมาสอนที่บ้าน โดยยอมจ่ายค่าจ้างราคาแพง

เชฟบางคนไม่คิดว่าฟูเผยเหมยจะเรียนอย่างจริงจัง บางคนก็ดูถูกเธอ แต่ฟูเผยเหมยไม่ยอมแพ้ เธอมุ่งมั่นที่จะเรียนเพื่อทำอาหารให้เป็น ให้ได้รสชาติอร่อย เพราะทุกครั้งที่เห็นสามีและลูกๆ กินอาหารที่เธอทำอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้เธอมีความสุข

และเมื่อเพื่อนๆ ของสามีและเพื่อนๆ ของเธอได้กินอาหารของเธอ ทุกคนรับรู้ถึงรสชาติความอร่อยระดับภัตตาคาร จนหลายคนอยากให้เธอสอนทำอาหาร

ฟูเผยเหมยเรียนทำอาหารจากทุกเมืองทุกมณฑลของจีนแผ่นดินใหญ่ และได้รับการติดต่อให้ทำอาหารผ่านทีวี เธอเป็นเสมือน The Julia Child of Chinese/Taiwan เธอออกทีวีเป็นรายการสด และต้องใช้เตาถ่าน กับการควบคุมเวลา ซึ่งเป็นเรื่องยากในสมัยนั้น

ซีรี่ส์เล่าเรื่องอิงชีวิตจริงของฟูเผยเหมย ซึ่งเธอได้เขียนตำราทำอาหารถึง 3 เล่มชื่อ “Pei Mei”s Chinese Cook Book. Volume 1-3” ตีพิมพ์ในปี 1969-1979

 

What She Put on the Table เล่าเรื่องความมุ่งมั่นพยายามของผู้หญิงสองคน คือหลินชุนที่พยายามใช้ชีวิตอยู่ให้ได้กับพี่ชาย และฟูเผยเหมยที่พยายามทำอาหาร และความตั้งใจของเธอประสบความสำเร็จ

เมื่อมาเทียบกับหวังฉวานเป่าหลานชายของหลินชุน คนรุ่นใหม่ที่อยากใช้ชีวิตแบบสุขนิยม ไม่อยากทำงานหนักแต่อยากมีเงินมากๆ ละครเพิ่มสีสันด้วยกีกี (กีกี เฉิน) หญิงสาวลูกเศรษฐี ที่พ่อแม่ประคบประหงม อยากให้ใช้ชีวิตแบบคุณหนู แต่กีกีอยากทำงานหาเงินเองและใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย

ละครดูสนุก เป็นเรื่องราวสร้างชาติของไต้หวัน ได้เห็นภาพเมืองเก่าของไต้หวันเมื่อปี 1950 และภาพการทำอาหารชวนหิว ถ่ายทำได้น่ากินมาก

จึงไม่น่าแปลกใจที่ไต้หวันจะโปรโมตการท่องเที่ยวเรื่อง Street Food ด้วยอาหารจีนหลากหลายจากทุกมณฑลของจีนแผ่นดินใหญ่!