ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
นําความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
เมื่อสมัชชาสหประชาชาติ หรือยูเอ็นจีเอ จัดประชุมวาระพิเศษเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2559 ณ อาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
เพื่อแสดงความอาลัยและสดุดีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นายปีเตอร์ ธอมสัน ประธานสมัชชาสหประชาชาติ ชาวฟิจิ กล่าวว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และได้รับการเคารพเทิดทูนอย่างที่สุด
การพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับพสกนิกรตลอด 70 ปี สะท้อนการยึดมั่นในพระราชปณิธาน “ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม” โดยแท้จริง
การทรงงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โครงการพระราชดำริต่างๆ มากมายพัฒนาทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทรงเป็นศูนย์กลางทำให้เกิดเอกภาพทั้งในไทยและในภูมิภาค
สหประชาชาติทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ แด่พระองค์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2549 ทุกคนจะจดจำพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในฐานะ “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่”
หลังถวายราชสดุดี นายปีเตอร์ ธอมสัน นำที่ประชุมยืนสงบนิ่ง 1 นาทีเพื่อแสดงความไว้อาลัย
จากนั้น นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวยกย่องว่า พระองค์ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยะอุตสาหะ เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและนำพาประเทศให้ทันสมัย
ทรงนำความมั่นคงและเสถียรภาพมาสู่ประเทศในช่วงบ้านเมืองเกิดวิกฤต
ความเศร้าโศกของประชาชนทั้งประเทศแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีความสำคัญยิ่งใหญ่เพียงใด
ความมุ่งมั่นทรงงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
ทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง
นายคาฮา อิมนัดเซ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรจอร์เจียประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นที่เคารพรักเทิดทูนของประชาชนทั้งประเทศ ทรงได้รับการชื่นชมและเคารพจากทั่วโลก
ทรงเป็นผู้นำที่แท้จริงที่เป็นแรงบันดาลใจ ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระราชกรณียกิจยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยทุกด้าน ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทำงานเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง
พระองค์จะเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำที่โดดเด่น เสียสละทุ่มเทเพื่อประเทศ ทรงเป็น “กษัตริย์นักพัฒนา” เป็นนักคิดผู้มีวิสัยทัศน์ที่มีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนการพัฒนาระดับโลก
นายคริสเตียน บาร์รอส เมเล็ต เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรชิลีประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศละตินอเมริกาและแคริบเบียน แสดงความชื่นชมในพระราชกรณียกิจตลอดช่วง 70 ปี
ทรงได้รับความเคารพรักและเทิดทูนจากประชาชน
ทรงให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่และความก้าวหน้าของประชาชน อันเป็นที่มาของการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติเมื่อปี 2549
ทรงได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะประมุขแห่งรัฐที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ สร้างเอกภาพและสันติภาพให้คนในชาติ
นายอับดุลลาห์ วาฟี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไนเจอร์ประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศแอฟริกา ย้ำถึงการทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาที่ประจักษ์ได้จากโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ปรัชญาของ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางนำไปประยุกต์ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศต่างๆ ได้กว้างขวาง
ครั้งนี้จึงมิใช่การสูญเสียของไทย แต่เป็นการสูญเสียของโลก
นายมานซูร์ อายัด อโลไทบี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรคูเวตประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า
ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างเอกภาพและศูนย์รวมประชาชนในช่วงเวลายากลำบาก ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีความโอบอ้อมและนักสร้างสันติภาพ ส่งเสริมการเจรจาแทนความขัดแย้ง
ตลอดรัชสมัยได้นำพาประเทศสู่ความรุ่งเรือง มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความรักที่มีต่อพสกนิกร เห็นจากความมุ่งมั่นและอุทิศพระองค์ นำพาประเทศสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
การสวรรคตนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของไทยและของโลก
นายแมตธิว ไรครอฟต์ ผู้แทนสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก กล่าวว่า ทรงนำประเทศไทยตลอดรัชสมัยด้วยพระวิสัยทัศน์
ทรงขึ้นครองราชย์ขณะที่สหประชาชาติก่อตั้งได้เพียง 1 ปี และไทยเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 55
ทรงปกครองประเทศด้วยพระวิสัยทัศน์ สร้างเอกภาพและน้ำหนึ่งใจเดียวกันของปวงชน
ประชาคมระหว่างประเทศน้อมรำลึกถึงพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชน ผู้สนับสนุนการพัฒนา พระอัจฉริยภาพด้านศิลปะ ดนตรี และการถ่ายภาพ
ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งเสถียรภาพของพสกนิกรชาวไทยตลอดไป
ผลงานของพระองค์ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญอย่างแท้จริง
นางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นมิตรที่ยาวนานกับสหรัฐอเมริกา ทรงพระราชสมภพที่สหรัฐอเมริกา
ที่จัตุรัส “คิงภูมิพลอดุลยเดช” มีชาวไทยมาแสดงความเคารพและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ในการเสด็จฯ เยือนสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ.1960 สหรัฐอเมริกาน้อมรำลึกถึงพระราชดำรัสในการพระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่ว่า ทรงประสงค์จะถูกจดจำเพียงว่า ทรงได้บำเพ็ญประโยชน์อย่างไรบ้าง
ตลอดรัชสมัยทรงลงพื้นที่ไปหาประชาชน เยี่ยมคนยากจน มีโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ทรงเพาะแปลงข้าวในวัง ผลิตสินค้าในโครงการส่วนพระองค์ และทรงประดิษฐ์นวัตกรรมด้วยพระองค์เอง
ทรงเชี่ยวชาญแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยหลักการ “แก้มลิง” ที่เลียนแบบธรรมชาติของลิงในการกักเก็บอาหารที่กระพุ้งแก้ม
ทรงเป็นกษัตริย์ที่ดูแลลูกในครอบครัว คือ ประชาชนชาวไทย สร้างคุณประโยชน์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเพื่อให้ครอบครัวของพระองค์ผาสุก
ด้วยเหตุนี้จึงทรงเป็นบุคคลที่วิเศษอย่างสมบูรณ์และประชาชนชาวไทยเคารพจงรักภักดี
นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวขอบคุณสมัชชาสหประชาชาติที่จัดประชุมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกล่าวว่า
พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างนำทาง เป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชน เป็นเสาหลักทำให้เกิดเอกภาพในประเทศ
ทรงมีพระวิสัยทัศน์ในการพัฒนามนุษย์ เป็นที่มาโครงการต่างๆ ในการปรับปรุงชีวิตของประชาชน การรักษาสิ่งแวดล้อม ทรงนำประเทศไทยที่เป็นประเทศด้อยพัฒนามาเป็นประเทศรายได้ปานกลาง
ช่วงทศวรรษ 1960 ทรงเริ่มทดลองปลูกพืชทดแทนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด แนวคิดนี้ถูกใช้เป็นแนวทางยกเลิกการปลูกฝิ่นในหลายพื้นที่ทั่วโลก หน่วยงานสหประชาชาติยังยอมรับพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์นักพัฒนา
สหประชาชาติยังกำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา เป็น “วันดินโลก” มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 อันมีที่มาจากโครงการวิจัยและการพัฒนาดินของพระองค์
จากโครงการพัฒนาหลายพันโครงการทั่วประเทศ สั่งสมและพัฒนาเป็น “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของขวัญอันล้ำค่าที่พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย เพื่อเป็นหลักดำเนินชีวิตและเป็นกรอบในการตัดสินใจ
ได้รับการยอมรับในฐานะแนวทางที่สามารถประยุกต์ใช้เพื่อบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประเทศไทยภูมิใจที่ได้แบ่งปันปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับประเทศอื่นๆ