E-DUANG : กรรมใด ประชาธิปัตย์ ก่อ “พลังดูด” คือ ผลแห่งกรรม

สภาพทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังประสบจากพลานุภาพแห่ง”พลังดูด”ในขณะนี้น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะตกอยู่ในลักษณะถูกกระทำ

ที่น่าช้ำใจอย่างที่สุด ล้วนเป็นการกระทำจาก “เพื่อน”

การแยกตัวออกไปของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเคยเป็นถึงเลขาธิการพรรค ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียอย่างยิ่งยวด

ที่สำคัญเพราะมิได้สูญเสียเฉพาะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

หากแต่เครือข่ายที่เคยแนบแน่นอยู่กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็แยกตัวตามไปด้วย ไม่ว่าจะใน 3 จังหวัดภาคใต้ ไม่ว่าจะในบางส่วนของภาคตะวันออก

ยังการดัน “หุ่นเชิด” บางคนมาต่อสู้ในตำแหน่ง”หัวหน้าพรรค” อีกเล่า

 

มีความพยายามแปรเรื่องนี้ให้เป็นคุณูปการในทางการเมืองว่าสะ ท้อนลักษณะประชาธิปไตยภายในพรรค

แต่คำถามอันตามมาโดยอัตโนมัติคือ

นายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นใคร เขามิใช่ 1 ในแม่น้ำ 5 สายที่ทอดตัวให้กับ “เรือแป๊ะ”ท่องไปในกระบวนการรัฐประหารหรอกหรือ

เช่นเดียวกับ กรณีของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม

เขาเป็นคนหนึ่งที่เคยขึ้นเวทีกปปส. ทั้งคนที่รุนหลัง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ยังเป็น นายถาวร เสนเนียม

ข้างหน้าอาจเป็น นายถาวร เสนเนียม ยิ้มร่า

แต่ข้างหลังของ นายถาวร เสนเนียม ย่อมเห็นมืออันแข็งแกร่งของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่มิใช่หรือ

ในที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น นายอลงกรณ์ พลบุตร ไม่ว่าจะเป็น นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ล้วนสะท้อนให้เห็นพลังอันหนักหน่วงและรุนแรงจาก “คสช.”

แม้ในที่สุด ตำแหน่งหัวหน้าพรรคจะเป็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

 

หากยึดกุมตามแนวทาง”กฎแห่งกรรม”ก็ต้องยอมรับว่า กรรมอันตามสนองพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้

เป็นกรรมจากการกระทำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ไม่ว่าจะการหนุนเสริมรัฐประหารเมื่อปี 2549 ไม่ว่าจะการหนุนเสริมรัฐประหารในปี 2557

“คสช.”ได้สนองคุณ”ประชาธิปัตย์”อย่างสาสม