ทราย เจริญปุระ : ผู้เลือก “จากไป”

ถึงเธอ, ผู้เลือกจะจากไป

มันน่าแปลกนะ ที่วันนึงเราก็รู้ว่าบางคำถามก็ไม่มีคำตอบจริงๆ

หรือที่จริงคงต้องพูดว่า มันมีคำตอบนั่นแหละ

แต่เราไม่ชอบมัน

และเราไม่อยากจะเชื่อ

ว่าคำตอบนั้นจะห้วนสั้น สรุปกันง่ายดายถึงเพียงนั้น

เมื่อมองย้อนกลับไปถึงกระบวนการรวมตัวของสารพัดเรื่องและอารมณ์ที่กลายมาเป็นคำถาม

มันเป็นไปได้จริงๆ หรือ ที่คำตอบนั้นสั้นเหลือเกิน

เรียบง่ายเหลือเกิน

ฉันเลิกคาดหวังไปแล้ว ว่ามนุษย์นั้นจะมีเยื่อใยหรือเข้าอกเข้าใจใครได้อย่างลึกซึ้ง

แต่หันมาเรียนรู้และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

เพื่อจะก้าวเดินต่อไปโดยไม่ต้องมีบาดแผลเรื้อรังติดตัวหรือหัวใจมากเกินไปนัก

ความอดทนนั้นมนุษย์มีไม่เท่ากัน

ฉันไม่รู้ว่าการยอมรับความจริงนั้นจะหมายความว่าไม่พยายามหรือไม่สู้หรือเปล่า

แต่บางทีเรื่องมันก็มีอยู่แค่นั้น

ความจริงก็เป็นเช่นนี้

วันเวลาเพียงแต่ขยายมันให้ใหญ่ขึ้น เด่นชัดขึ้น โดยไม่ได้ทำให้มันหายไป

อย่างดีที่สุด

เราก็ได้แค่หวังว่าเราจะชินกับมัน

ความจริงนั้นจะกลายเป็นเช่นความจริงอื่นๆ ที่แสนธรรมดา เหมือนพระอาทิตย์ที่ขึ้นและตก เหมือนฝนโปรยปราย

เหมือนอะไรๆ ที่เป็นไปในรูปแบบของมันโดยไม่ส่งผลใดกับเราอีก

จริงๆ อาจจะไม่มีปัญหาอะไรเป็นตัวเร่งเลยก็ได้

อาจจะเป็นการจบแล้วทุกปัญหา ละทิ้งวันใหม่ที่ต้องตื่นขึ้นมาเล่นซ้ำเรื่องเดิมๆ

แล้วก็จบแบบเดิม

บางคนก็คงแค่เบื่อเท่านั้นเอง

จริงๆ เราคุยกันบ่อย ทั้งแบบเจอกันต่อหน้าและข้อความหากันในบางคราว

บางเรื่องเราเชื่อว่าเธอเก็บไว้คุยกับเราคนเดียวในฐานะเพื่อนร่วมโรค

เพราะแม้ว่าบางสิ่งจะดูพิลึกพิลั่น สาหัสสากรรจ์เกินเข้าใจได้ในสายตาคนทั่วไปขนาดไหน แต่เราเข้าใจกัน

ไม่ได้เข้าใจเพราะเคยทำมาก่อน หรือเพราะมันเป็นกระบวนการเยียวยารักษาที่ต้องผ่าน

แต่เรามีธาตุบางอย่างต้องตรงกัน

ธาตุของความอยากรู้อยากเห็นอันไม่มีที่สิ้นสุด

การค้นหาคำตอบของบางอย่างที่อยู่ไกลออกไปในมิติอื่นๆ

เราก็เป็นแบบนี้

พร่ำบอกตัวเองทุกครั้งที่มีการจากลา

ว่าเราจะไม่รักใครอีกแล้ว ว่าเราจะไม่ผูกพันกับอะไรอีกแล้ว

แต่เพราะมนุษย์นั้นอ่อนไหวกับความรู้สึก

ยิ่งห้ามก็จะยิ่งเกิดความโอบเอื้อขึ้นมาในหัวใจให้กับใครสักคน

คนที่ผ่านกำแพงหนาของการไม่รักนั้นเข้ามาได้

กลายเป็นยิ่งไม่รักกลับยิ่งผูกพัน

บางทีเราควรจะแจกจ่ายความรักได้ง่ายกว่านี้

เยอะกว่านี้

สุรุ่ยสุร่ายกว่านี้

จะได้ไม่ต้องให้ความสำคัญกับมันมากเท่าที่เราเป็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เพื่อที่จะผิดหวัง

เพื่อที่จะเสียใจ

เพื่อที่จะสูญเสียซ้ำซาก

ถ้าเธอยังอยู่ เราจะบอกให้เธออ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อที่จะได้หัวเราะความกัดจิกของผู้เขียน เธอเรียนกฎหมายก็จริง แต่เธอก็เป็นคนมากพอที่จะเข้าใจความซับซ้อนของมนุษย์ที่ล้วนมีข้อบกพร่อง ไม่ได้ตรงไปตรงมาเช่นประมวลกฎหมาย หนังสือทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสัตว์ที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรบนแผนที่กาลเวลาของโลก

“แต่กระนั้น เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นได้ก็จากการที่คนเราประดิษฐ์พวกมันขึ้นเพื่อเล่าสู่กันฟังเท่านั้น ไม่มีพระเจ้าในเอกภพ ไม่มีชาติ ไม่มีเงิน ไม่มีสิทธิมนุษยชน ไม่มีกฎหมาย และไม่มีความยุติธรรมที่อยู่นอกเหนือไปจากภายในจินตนาการร่วมของมนุษย์”*

อ่านมาแค่นี้ก็น่าสนุกแล้ว และเธอคงมีข้อสังเกตที่น่าสนใจขึ้นมาอีกหลายประเด็น

แต่เธอไม่ได้อ่าน

และเธอล่วงหน้าไปสู่ประเด็นใหญ่อีกเรื่องของชีวิต ออกเดินทางไปสำรวจมันก่อนหน้าเราเสียแล้ว

เราไม่ไปส่งเธอ เพราะรู้ว่ามันคงไม่มีอะไรต่างกัน

เรื่องนี้มันจบลงตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจ

“ความสัตย์นั่นแลจะชนะ

หาใช่ความเท็จไม่”

เมื่อถอดทุกอย่างทิ้งไป เราก็คงเหลือเพียงสิ่งนี้

ความสัตย์

ทั้งต่อผู้อื่น และต่อตัวเอง

อย่างเช่นที่เธอเลือกจะทำ

เธอทำดีแล้ว

เธอได้ยินหรือเปล่า

สายฝน ลมหนาว ไอแดด

ไม่มีอะไรทำร้ายเธอได้อีกต่อไป

“เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ” (Sapiens, A Brief History of Humankind) เขียนโดย ยูวัล โนอาห์ แฮรารี (Yuval Noah Harari) แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดยยิปซี กรุ๊ป, 2561

*ข้อความจากในหนังสือ