ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กันยายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | รักคนอ่าน |
เผยแพร่ |
ถึงเธอ, ผู้เลือกจะจากไป
มันน่าแปลกนะ ที่วันนึงเราก็รู้ว่าบางคำถามก็ไม่มีคำตอบจริงๆ
หรือที่จริงคงต้องพูดว่า มันมีคำตอบนั่นแหละ
แต่เราไม่ชอบมัน
และเราไม่อยากจะเชื่อ
ว่าคำตอบนั้นจะห้วนสั้น สรุปกันง่ายดายถึงเพียงนั้น
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงกระบวนการรวมตัวของสารพัดเรื่องและอารมณ์ที่กลายมาเป็นคำถาม
มันเป็นไปได้จริงๆ หรือ ที่คำตอบนั้นสั้นเหลือเกิน
เรียบง่ายเหลือเกิน
ฉันเลิกคาดหวังไปแล้ว ว่ามนุษย์นั้นจะมีเยื่อใยหรือเข้าอกเข้าใจใครได้อย่างลึกซึ้ง
แต่หันมาเรียนรู้และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
เพื่อจะก้าวเดินต่อไปโดยไม่ต้องมีบาดแผลเรื้อรังติดตัวหรือหัวใจมากเกินไปนัก
ความอดทนนั้นมนุษย์มีไม่เท่ากัน
ฉันไม่รู้ว่าการยอมรับความจริงนั้นจะหมายความว่าไม่พยายามหรือไม่สู้หรือเปล่า
แต่บางทีเรื่องมันก็มีอยู่แค่นั้น
ความจริงก็เป็นเช่นนี้
วันเวลาเพียงแต่ขยายมันให้ใหญ่ขึ้น เด่นชัดขึ้น โดยไม่ได้ทำให้มันหายไป
อย่างดีที่สุด
เราก็ได้แค่หวังว่าเราจะชินกับมัน
ความจริงนั้นจะกลายเป็นเช่นความจริงอื่นๆ ที่แสนธรรมดา เหมือนพระอาทิตย์ที่ขึ้นและตก เหมือนฝนโปรยปราย
เหมือนอะไรๆ ที่เป็นไปในรูปแบบของมันโดยไม่ส่งผลใดกับเราอีก
จริงๆ อาจจะไม่มีปัญหาอะไรเป็นตัวเร่งเลยก็ได้
อาจจะเป็นการจบแล้วทุกปัญหา ละทิ้งวันใหม่ที่ต้องตื่นขึ้นมาเล่นซ้ำเรื่องเดิมๆ
แล้วก็จบแบบเดิม
บางคนก็คงแค่เบื่อเท่านั้นเอง
จริงๆ เราคุยกันบ่อย ทั้งแบบเจอกันต่อหน้าและข้อความหากันในบางคราว
บางเรื่องเราเชื่อว่าเธอเก็บไว้คุยกับเราคนเดียวในฐานะเพื่อนร่วมโรค
เพราะแม้ว่าบางสิ่งจะดูพิลึกพิลั่น สาหัสสากรรจ์เกินเข้าใจได้ในสายตาคนทั่วไปขนาดไหน แต่เราเข้าใจกัน
ไม่ได้เข้าใจเพราะเคยทำมาก่อน หรือเพราะมันเป็นกระบวนการเยียวยารักษาที่ต้องผ่าน
แต่เรามีธาตุบางอย่างต้องตรงกัน
ธาตุของความอยากรู้อยากเห็นอันไม่มีที่สิ้นสุด
การค้นหาคำตอบของบางอย่างที่อยู่ไกลออกไปในมิติอื่นๆ
เราก็เป็นแบบนี้
พร่ำบอกตัวเองทุกครั้งที่มีการจากลา
ว่าเราจะไม่รักใครอีกแล้ว ว่าเราจะไม่ผูกพันกับอะไรอีกแล้ว
แต่เพราะมนุษย์นั้นอ่อนไหวกับความรู้สึก
ยิ่งห้ามก็จะยิ่งเกิดความโอบเอื้อขึ้นมาในหัวใจให้กับใครสักคน
คนที่ผ่านกำแพงหนาของการไม่รักนั้นเข้ามาได้
กลายเป็นยิ่งไม่รักกลับยิ่งผูกพัน
บางทีเราควรจะแจกจ่ายความรักได้ง่ายกว่านี้
เยอะกว่านี้
สุรุ่ยสุร่ายกว่านี้
จะได้ไม่ต้องให้ความสำคัญกับมันมากเท่าที่เราเป็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เพื่อที่จะผิดหวัง
เพื่อที่จะเสียใจ
เพื่อที่จะสูญเสียซ้ำซาก
ถ้าเธอยังอยู่ เราจะบอกให้เธออ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อที่จะได้หัวเราะความกัดจิกของผู้เขียน เธอเรียนกฎหมายก็จริง แต่เธอก็เป็นคนมากพอที่จะเข้าใจความซับซ้อนของมนุษย์ที่ล้วนมีข้อบกพร่อง ไม่ได้ตรงไปตรงมาเช่นประมวลกฎหมาย หนังสือทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสัตว์ที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรบนแผนที่กาลเวลาของโลก
“แต่กระนั้น เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นได้ก็จากการที่คนเราประดิษฐ์พวกมันขึ้นเพื่อเล่าสู่กันฟังเท่านั้น ไม่มีพระเจ้าในเอกภพ ไม่มีชาติ ไม่มีเงิน ไม่มีสิทธิมนุษยชน ไม่มีกฎหมาย และไม่มีความยุติธรรมที่อยู่นอกเหนือไปจากภายในจินตนาการร่วมของมนุษย์”*
อ่านมาแค่นี้ก็น่าสนุกแล้ว และเธอคงมีข้อสังเกตที่น่าสนใจขึ้นมาอีกหลายประเด็น
แต่เธอไม่ได้อ่าน
และเธอล่วงหน้าไปสู่ประเด็นใหญ่อีกเรื่องของชีวิต ออกเดินทางไปสำรวจมันก่อนหน้าเราเสียแล้ว
เราไม่ไปส่งเธอ เพราะรู้ว่ามันคงไม่มีอะไรต่างกัน
เรื่องนี้มันจบลงตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจ
“ความสัตย์นั่นแลจะชนะ
หาใช่ความเท็จไม่”
เมื่อถอดทุกอย่างทิ้งไป เราก็คงเหลือเพียงสิ่งนี้
ความสัตย์
ทั้งต่อผู้อื่น และต่อตัวเอง
อย่างเช่นที่เธอเลือกจะทำ
เธอทำดีแล้ว
เธอได้ยินหรือเปล่า
สายฝน ลมหนาว ไอแดด
ไม่มีอะไรทำร้ายเธอได้อีกต่อไป
“เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ” (Sapiens, A Brief History of Humankind) เขียนโดย ยูวัล โนอาห์ แฮรารี (Yuval Noah Harari) แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดยยิปซี กรุ๊ป, 2561
*ข้อความจากในหนังสือ