ไม่ว่าคำ“เศรษฐกิจ ดิจิทัล“อันหลุดจาก 2 เรียวปาก ม.ร.ว.ปรีดิยา ธร เทวกุล ไม่ว่าคำ”ไทยแลนด์ 4.0″อันหลุดจาก 2 เรียวปาก ดร.สุ วิทย์ เมษิณทรีย์

​พลันปะเข้ากับคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 ห้ามหาเสียงทางโซเชียล มีเดีย

​ก็ต้องอยู่ในอาการ”นะจังงัง”

​เพราะไม่เพียงแต่จะต้องเลิกคิ้วด้วยความกังขา หากแต่ยังจำเป็นต้องมองไปยังวิสัยทัศน์จาก”เขาชะโงก อะคาเดมี่”ด้วยความงุนงง

​เพราะข้อห้ามนี้สะท้อน “วิสัยทัศน์”ทั้งในทางวิทยาศาสตร์และการเมืองอย่างเด่นชัด

​เด่นชัดว่าต้วมเตี้ยมมาจาก”หลังเขา”

 

ประสานกับคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัย กรุงเทพ หรือ “กรุงเทพโพล“ก็ออกสำรวจความเห็น

​ในหัวข้อชื่อ “การเลือกตั้งบนสมรภูมิโซเชียล“

​ปรากฏว่า ร้อยละ 68.0 อยากเห็นพรรคการเมืองใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊คเฟซบุ๊คไลฟ์ ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง

​ร้อยละ 39.6 อยากเห็นทางไลน์ ร้อยละ 36.5 ใช้ยูทูบ

​เหตุผลจากร้อยละ 51.4 การใช้สื่อโซเชียลมีเดียเผยแพร่ข้อมูลของพรรคต่างๆจะเกิดผลดี เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นและคนรุ่นใหม่จะมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น

​ถามว่าหากมีการห้ามใช้โซเชียลมีเดียหาเสียง ร้อยละ 47.9 รู้สึกเหมือนจะถูกปิดกั้นข้อมูล

​ร้อยละ 34.6 รู้สึกเหมือนประเทศยังไม่พัฒนา ไม่มีอิสระ

​คำตอบเหล่านี้เหมือนกับเป็นเงาสะท้อนให้กับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เหมือนกับเป็นเงาสะท้อนให้กับ ดร.สุวิทย์ เมษิณทรีย์ได้เป็นอย่างดี

​แต่อาจไม่ตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นได้

 

ประเมินได้เลยว่าประเด็นห้ามใช้โซเชียลมีเดียหาเสียงจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 นี้แหละจะกลายเป็นปัญหา

​เหมือนกับจะเป็นการประจาน “วิสัยทัศน์”

​เป็นวิสัยทัศน์ของบรรดา “คนหลังเขา”ที่อยู่ในยุคไทยแลนด์ 0.4 มิใช่ไทยแลนด์ 4.0 ทั้งๆป่าวร้องกัน 3 เวลาเพิ่มรอบเช้ารอบบ่าย เสาร์-อาทิตย์

​คอยดูละกันว่าผลจะเป็นเช่นใด