โลกหมุนเร็ว / เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง / Sharing

โลกหมุนเร็ว / เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

Sharing

เรากำลังจะพูดถึงการแบ่งปัน หรือ sharing ในบริบทของเศรษฐกิจนะคะ
ไม่ใช่การแบ่งปันในความหมายเดิมๆ ในเรื่องของการทำบุญ คนมีมากกว่าก็แบ่งปันให้คนที่มีน้อยกว่า แบบนั้น
ในบริบทของเศรษฐกิจยุคใหม่ การแบ่งปันเป็นเรื่องของคนที่มีเท่าๆ กัน แต่มีสิ่งที่ต่างกัน นำมาแบ่งปันกัน ก่อให้เกิดพลังทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น
ยุคนี้เป็นยุคที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้ ประเด็นหลักๆ ก็ได้แก่การแบ่งปันความรู้
เช่นเดียวกับความต้องการเนื้อที่กลายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่ที่เป็นกายภาพ เช่น อาคารสถานที่ หรือเนื้อที่ที่อยู่ในอากาศ จับต้องไม่ได้ แต่มนุษย์ทำให้มันมีขึ้นมาได้
คำกล่าวของใครบางคนที่ผู้เขียนชอบมากคือ “เดินคนเดียวไปได้เร็ว แต่เดินหลายคนไปได้ไกล” ในวิถีของเศรษฐกิจแบบเดิมเป็นเรื่องต่างคนต่างทำ มุ่งแต่สิ่งที่เป็นงานหลักของตัว แต่เดี๋ยวนี้เราจะมองเห็นการแบ่งปันมากขึ้นมหาศาล
เช่น การแชร์เนื้อที่บนคลาวด์
การแบ่งปันเนื้อที่บนเฟซบุ๊ก
การทำงานด้วยกันบน co working space
หรือแม้แต่การเดินทางไปทำงานด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
ร้านกาแฟประเภทที่ไม่พอใจเมื่อเห็นลูกค้าพกโน้ตบุ๊กเข้ามาทำงานกลายเป็นร้านกาแฟตกยุค มีแต่ร้านกาแฟที่ยินดีเมื่อเห็นลูกค้าเข้ามาคุยงานกัน ประชุมกัน หรือนั่งทำงานเดี่ยว แบบนี้กำลังเข้าสมัยและธุรกิจของร้านก็มีชีวิตชีวา
แบบนี้เขาเรียกใจกว้าง ยินดีแบ่งปัน

ผู้เขียนใช้บริการรถไฟฟ้าสาธารณะบ่อยๆ เริ่มเห็นเนื้อที่บนสถานีรถไฟฟ้าซึ่งเมื่อก่อนนี้มีแต่กิจกรรมทางพาณิชย์ประเภทเดียวคือการขายสินค้าต่างๆ ทั้งของกินของใช้
เมื่อไม่นานมานี้เห็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาด 3 x 4 เมตร ติดกระจกใสมองเห็นภายในทะลุปรุโปร่ง ทาสีขาวสะอาดสะอ้าน ติดเครื่องปรับอากาศ มีโต๊ะทำงานสมัยใหม่โปร่งๆ ยาวๆ
แรกๆ ก็มีแต่ห้องเปล่าๆ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นหนุ่มสาวพกแล็ปท็อปเข้าไปก้มหน้าก้มตาทำงานกัน
อันว่าเนื้อที่บนสถานีรถไฟฟ้านั้นคือทำเลทอง เพราะเป็นที่ที่คนเดินทางสัญจรผ่านไปมา โลเกชั่นบางแห่งที่อยู่ใกล้สำนักงาน และไม่พลุกพล่านแออัดด้วยร้านค้า
จึงเป็นทำเลที่เหมาะสำหรับ co working space แบบที่ว่านี้
หนุ่มสาวอาจจะมีธุรกิจของตัว นัดลูกค้าที่ตึกใดตึกหนึ่งใกล้สถานีรถไฟฟ้า ยังทำงานไม่เสร็จดี ก็แวะที่ co working space ที่ว่านี้ทำงานให้เสร็จก่อนเข้าไปพรีเซนต์ลูกค้า
หรืออย่างธุรกิจ airbnb ที่เอาที่อยู่ของตัวเองที่ใช้เนื้อที่ไม่หมดแบ่งให้นักท่องเที่ยวเช่า เป็นการใช้ space ของตัวเองอย่างคุ้มค่า มีรายได้เข้ามา ย่อมดีกว่าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ

ผู้เขียนเคยสัมภาษณ์ผู้ที่ทำธุรกิจ airbnb เขาบอกว่าดีกว่าเอาเงินไปฝากธนาคารตั้งมากมายหลายเท่า บ้านก็มีอยู่แล้วไม่ต้องเช่า ลงทุนใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเข้าไปแสนสองแสน ได้รายได้กลับเข้ามาเป็นเรือนหมื่น
ธุรกิจ airbnb กำลังเติบโตมากมาย พอๆ กับธุรกิจ co working space เหมือนกัน
คุณกวิน ว่องกุศลกิจ ประธานกลุ่ม Glowfish ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจ co working space บอกว่า เมื่อเข้าใจกระบวนการทำงานในยุคใหม่แล้วก็ทำให้มองทะลุว่าจะปรับธุรกิจให้ตอบสนองได้อย่างไร ส่วนหนึ่งเขาบอกว่า “ที่ประชุมต้องใช้กินข้าวได้ สามารถประชุมและกินข้าวได้พร้อมกันเพื่อประหยัดเวลา ทำให้ใช้เวลาทำงานน้อยลงไม่ต้องเจอช่วงรถติดมากๆ หรืออาจจะมีเวลาไปออกกำลังภายในออฟฟิศก็ได้”
จากการพูดคุยกับคนทำงานรุ่นใหม่หลายคนก็พบว่ากลุ่มหนุ่มสาวมิลเลนเนียลที่มีอายุตั้งแต่ 20-35 ต่างก็มีไลฟ์สไตล์ที่คล้ายกัน คือหลังเลิกงานก็จะไปฟิตเนสกัน
คุณกวินจึงมีความคิดเรื่องการสร้างคอมมิวนิตี้รอบธุรกิจ เมื่อก่อนทุกคนต้องมีห้องประชุมแต่เดือนหนึ่งใช้ไม่กี่ครั้ง เลยคิดว่าแชร์ห้องประชุมกัน ต่อยอดมาถึงยิมออกกำลังกายและห้องอาหารที่ใช้ร่วมกัน ทำให้คนทำงานได้มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น เกิดเป็นคอมมิวนิตี้

สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ การแบ่งปันนั้นสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปได้มาก ตัวอย่างจากคุณกวิน ว่องกุศลกิจ คือเขาเป็นคนที่รักดนตรี ทำให้มีคอนเสิร์ตฮอลล์อยู่ในโกลวฟิช กลายเป็นจุดเด่น มีการจัดคอนเสิร์ตและมีการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ แล้วก็เริ่มมีนักดนตรี มีนักแต่งเพลงมาเช่าออฟฟิศ ทำให้กลายเป็นครีเอทีฟคอมมิวนิตี้ ที่คนสายดนตรี สายศิลปะและสายสร้างสรรค์เข้ามาใช้พื้นที่
คุณกวินยังมองคำว่า co working space อย่างลึกซึ้ง เขามองว่าไม่ได้เป็นแค่การแชร์พื้นที่ แต่เป็นการสร้างคอมมิวนิตี้รอบธุรกิจ มีการเชื่อมโยงกัน มีการพบปะกัน เช่น เข้าไปเล่นฟิตเนสด้วยกัน ชวนกันกินข้าวกลางวัน เกิดการทักทายแลกเปลี่ยนไอเดียการทำงาน นี่คือคำว่าโคเวิร์กกิ้งในความหมายของคุณกวิน
การได้แชร์ working space ยังทำให้เกิดการแชร์ความรู้ ความรู้คือบ่อเกิดของการริเริ่มทำสิ่งต่างๆ ดังนั้น co working space บางแห่งก็ยังมีห้องสมุดให้ค้นคว้า นอกเหนือจากการนำแล็ปท็อปเข้าไปค้นหาสิ่งต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ต
ออฟฟิศหลายแห่งมีมุมกาแฟที่พนักงานเข้ามาพักผ่อนและแชร์ไอเดียกัน แทนที่จะเอากาแฟไปไว้ที่มุมในห้องครัวก็เปลี่ยนเอามุมกาแฟมาไว้ที่จุดต่างๆ ทั่วออฟฟิศ เปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น และแบ่งปันข้อมูลความรู้มากขึ้น
ยุคแห่งการแบ่งปันยังเห็นได้จากเราส่งข้อมูลข่าวสารกันผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ทำให้ชีวิตทุกวันนี้ได้รับข่าวสารรวดเร็วและหลากหลายให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน สุขภาพ หรือไลฟ์สไตล์