สมชัย ศรีสุทธิยากร : เลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 แน่ ถ้า…

สมชัย ศรีสุทธิยากร

คําถามยอดฮิตที่ไปที่ไหนใครก็ถามถึงคือ ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จริงหรือไม่

นักการเมืองหลายคน สื่อหลายสำนัก สอบถามมายังผม ราวกับผมเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง บางรายก็ต้องการความเห็นว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ หรือเชื่อได้หรือไม่กับกำหนดการดังกล่าว

ราวกับคำพูดของนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ขาดความน่าเชื่อถือ

ราวกับสิ่งที่ กกต.ออกกำหนดการมา เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้โดยอิสระและเป็นจริง

หากพินิจในเนื้อข่าวที่มาแห่งกำหนดการดังกล่าวด้วยความเป็นธรรม จะรู้ว่า กกต.ยังมิได้กำหนดวันเลือกตั้ง เป็นเพียงแค่ร่างตุ๊กตาที่สำนักงาน กกต.นำเสนอในการประชุมสัมมนา โดยสมมุติว่า หากจะมีการเลือกตั้งเร็วสุดจริงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตามที่รัฐบาลและ กกต.เคยปรึกษาหารือกันมาก่อนหน้านี้หลายเดือนต้องมีตารางงานที่ต้องทำนับถอยหลังกันอย่างไรบ้าง สมมุติไปไกลขนาดต้องบอกว่า รัฐบาลต้องออกกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งเมื่อใด ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องของรัฐบาล มิใช่เรื่องของ กกต.

ขอให้ท่องจำไว้ว่า การกำหนดกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต.ต้องประชุมปรึกษาหารือภายใน 5 วัน เพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง

ดังนั้น ไม่มีกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้ง กกต.จะบอกว่าเลือกตั้งวันโน้นวันนี้ คงเป็นเพียงแค่การสมมุติ

ในด้านนายกรัฐมนตรี ข่าวคราวที่ให้สัมภาษณ์ ก็ใช่ว่าจะเป็นการยืนยันว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริง เพียงแต่บอกว่ารัฐบาล “จะพยายาม” ให้การเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็ป แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการติดขัดในเรื่องใดอีกก็เป็นเหตุที่สุดวิสัย

น้ำหนักของคำพูดจึงเปรียบเพียงคำกล่าวของคนในครอบครัวที่ว่า เย็นนี้น่าจะกลับบ้านตรงเวลานะ แต่หากติดขัดอะไรก็อาจเลยจากกำหนดไปบ้าง

ฝนจะตก รถจะติด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เลื่อนได้

การจะให้มีการเลือกตั้งเมื่อใด คงต้องพิจารณาตามกรอบของกฎหมายที่มีและพิจารณาจากความเพียงพอของเวลาในการจัดการของกรรมการการเลือกตั้ง มิใช่จินตนาการว่าเป็นวันไหนก็ได้ โดยอย่างน้อยมีเวลา 2 ช่วงที่ต้องคำนึงถึงคือ ช่วงแรก ตัวเลข 90 วันที่ชะลอการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ป.ส.ส. และช่วงที่สอง 150 วัน หลังจาก พ.ร.ป.ส.ส. มีผลใช้บังคับที่ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จ

90+150 วัน หากใช้เต็มกรอบคือ 8 เดือน ณ วันนี้ พ.ร.ป.ส.ส. ยังไม่ประกาศในราชกิจจาฯ แค่นับ 8 เดือนก็ทะลุไปถึงเดือนเมษายน 2562 แล้ว จะประสาอะไรกับการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2562

ดังนั้น เมื่อนับวันตามกรอบของเวลาตามกฎหมาย และดูถึงกิจกรรมต่างๆ ที่กรรมการการเลือกตั้งต้องดำเนินการ การกล่าวว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นจริงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 จึงเป็นไปได้ ถ้า…

ประการแรก กิจกรรมเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง ถูกนำมาดำเนินการในช่วง 90 วันแรก โดยไม่ต้องรอให้มีกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้ง จากเดิมที่ถูกออกแบบให้ไปดำเนินการในช่วง 150 วันหลัง

จำนวนเขตเลือกตั้งที่ลดลงจากเดิม 375 เขต เหลือ 350 เขต ทำให้ กกต.ต้องมีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ โดยสำนักงาน กกต.จังหวัดเป็นฝ่ายที่ต้องเตรียมการเสนอรูปแบบการแบ่งเขตอย่างน้อย 3 รูปแบบในแต่ละเขตเลือกตั้ง พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและฝ่ายการเมืองที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวว่าแต่ละรูปแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร มีความง่ายหรือความยากลำบากในการคมนาคมของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่ ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไรต่อผู้สมัคร และประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบที่จะเลือกใช้รูปแบบใดด้วยคะแนนเสียงเท่าไร

สรุปเรื่องส่งกลับมาที่คณะกรรมการการเลือกตั้งในส่วนกลางเพื่อประชุมลงมติเลือกเพียงรูปแบบเดียวและประกาศให้ประชาชนทราบอย่างเป็นทางการ

กระบวนการดังกล่าวต้องใช้เวลารวม 45-60 วันจึงแล้วเสร็จ หากนำมาใส่ไว้ในช่วง 90 วันแรก หมายถึงเราสามารถประหยัดเวลาในขั้น 150 วันหลังลงอย่างน้อยเดือนครึ่ง การเลือกตั้งที่เคยนับว่า อาจจะเป็นเมษายนหรือพฤษภาคม ก็ร่นมาใกล้ปลายกุมภาพันธ์ได้มากขึ้น

ประการที่สอง กระบวนการทำไพรมารีโหวต ที่เป็นขั้นตอนใหม่ที่รายชื่อผู้สมัครของพรรคการเมืองจำเป็นต้องผ่านกระบวนการรับสมัคร การลงคะแนนเสียงของสมาชิกพรรคในระดับจังหวัด

การส่งชื่อมาที่กรรมการบริหาร และหากเห็นต่างก็ยังมีกระบวนการย้อนกลับไปที่จังหวัด

ในด้านการจัดการที่กำหนดขั้นต่ำไว้ เช่น ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 100 คนในจังหวัดนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพรรคการเมืองที่จะดำเนินการ แต่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการโดยต้องใช้เวลาประมาณ 30 วันในกรณีปกติ หรืออาจเป็น 45-60 วันหากว่ามีความเห็นที่แตกต่างระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับสมาชิกพรรคในกรณีตัวผู้สมัครแล้วจำเป็นต้องมีการทบทวนหรือเริ่มกระบวนการใหม่

กระบวนการทำไพรมารีโหวตแต่แรกก็ถูกออกแบบให้ไปใช้เวลาในช่วง 150 วันหลัง ซึ่งหากนำไปอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว การเลือกตั้งก็ยากจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

เงื่อนปมแห่งไพรมารี ยังเป็นสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของพรรคการเมืองตั้งใหม่ที่อาจปฏิบัติได้ยากกว่าพรรคการเมืองเดิมที่มีทั้งสมาชิกและโครงสร้างการจัดการของพรรคในระดับจังหวัดและภูมิภาคที่พร้อมมากกว่า

และเป็นข้อจำกัดของการย้ายพรรคในเวลากระชั้นชิดการเลือกตั้งว่าจะทำไม่ได้อีก

ความพยายามผลักดันไม่ให้มีการใช้ไพรมารีในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเข้าทางพรรคใหม่ และพรรคที่หวังดูดผู้สมัคร ส.ส. ในช่วงเวลาใกล้เลือกตั้ง

ดังนั้น จึงต้องคอยดูว่าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะตัดสินใจอย่างไรในเรื่องนี้ให้ดูน่าเกลียดน้อยที่สุด

ประการที่สาม กิจกรรมทางธุรการของกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งทุกกิจกรรมก็ต้องมีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ

หากยกเรื่องแบ่งเขตและการไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองออก กกต.มีสมรรถนะในการจัดการเลือกตั้งได้ภายในเวลา 45-60 วันซึ่งครอบคลุมกิจกรรมการรับสมัครและให้หมายเลข การจัดพิมพ์บัตรและจัดเตรียมอุปกรณ์การเลือกตั้ง การจัดหาและอบรมกรรมการประจำหน่วย การให้เวลาแก่พรรคการเมืองหาเสียง การจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า และการจัดการเลือกตั้งของคนไทยในต่างประเทศ การเตรียมการด้านการนับคะแนนและรายงานผล กรอบเวลาที่ กกต.เรียกว่าตารางรถไฟนี้ แต่ละกิจกรรมต้องมีเวลาเริ่มและเวลาสิ้นสุดที่ชัดเจน และเรียงลำดับก่อนหลังเหมือนขบวนรถไฟที่เรียงกันออกจากสถานีตามลำดับที่เหมาะสม

แต่รถไฟขบวนใหม่จะออกจากสถานีคราวนี้ กลับมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างไปจากเดิม

บัตรเลือกตั้งเปลี่ยนเป็นใบเดียว แต่หมายเลขของพรรคแตกต่างกันไปในแต่ละเขต (หาเรื่องให้สับสนแท้ๆ) ซึ่งจะมีปัญหาต้องใช้เวลาในการพิมพ์ที่มากขึ้น การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมือง

กกต.ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการทำบอร์ดและหาสถานที่ติดตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ต้องทำการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องใช้เวลานการดำเนินการ

การทำงานของผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องมีการอบรมให้รู้กฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ การอบรมให้กับผู้ปฏิบัติงานและกรรมการประจำหน่วยถึงกฎระเบียบวิธีปฏิบัติใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม ฯลฯ

สิ่งต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมาเหล่านี้ล้วนมีต้นทุนในด้านเวลาที่คงไม่ถนัดนักหากจะจัดการได้ภายในเวลา 45-60 วันในอดีต เป็นสิ่งที่ฝ่ายสำนักงานต้องกล้าบอก กกต. และ กกต.ต้องกล้าบอกรัฐบาล มิใช่มองโลกสวย มองโลกแง่ดีว่าทำทัน แต่ถึงเวลาพอไม่ทันก็เกิดความวุ่นวายทั้งประเทศได้

เลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 นั้นเป็นไปได้แน่ ถ้าแก้ไขปัญหาสามประการข้างต้น

แต่ที่สำคัญอยู่ที่ผู้มีอำนาจ อยากจะให้มีเลือกตั้งจริงหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสำนึก ไม่รู้ว่าจะแก้ได้หรือไม่