“ควัน” กับ “ไฟ”

สัปดาห์ก่อนการเรียกประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แบบเร่งด่วนย่อมไม่ธรรมดา

และยิ่งเป็นการตัดสินใจใช้มาตรา 44 ย้าย พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่ดำรงตำแหน่งนี้เพียง 1 เดือนครึ่งมาเป็นผู้ตรวจพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เรื่องนี้ยิ่งผิดปกติ

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ทำผิดอะไรจึงต้องย้ายแบบ “ฟ้าผ่า”

ยิ่งมีกระแสข่าวว่า พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ขัดแย้งกับ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ประธานกรรมการ ปปง.

และเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักการเมือง

“ควัน” คลุ้งขนาดนี้

คนจึงเริ่มมองหา “ไฟ”

พล.ต.อ.ชัยยะนั้นได้ชื่อว่าเป็น “คู่ปรับ” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” มานาน

เขาสนิทสนมกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

สมัย “ทักษิณ” พล.ต.อ.ชัยยะ ถูกโยกเข้ากรุ นั่งตบยุง

หลังรัฐประหารจึงค่อยได้รับตำแหน่งสำคัญ

ผลุบๆ โผล่ๆ ตามกระแสการเมืองมาตลอด

จน คสช.ยึดอำนาจ พล.ต.อ.ชัยยะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

สุดท้าย “ทักษิณ” ก็มีคำนำหน้าว่า “นาย” แทน “พ.ต.ท.”

จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ ปปง.

หลังเกษียณอายุก็ได้ยกระดับขึ้นเป็นประธานกรรมการ ปปง.

ส่วน พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ เป็นรองเลขาธิการ ปปง. มาพักใหญ่

มีผลงานเข้าตาคือ เรื่องเงินทอนวัดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์

แต่พอได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ ปปง. ได้แค่เดือนเศษ

เขาก็ถูกเด้งด้วย ม.44

แบบไม่ต้องมีการสอบสวนอะไรทั้งสิ้น

สถานการณ์การเมืองตอนนี้กำลังเข้มข้น

ร่ำลือในกลุ่มนักการเมืองว่าเกมการ “ดูด” ครั้งนี้ของฝ่ายที่เชียร์รัฐบาลแรงกว่าการเลือกตั้งครั้งอื่น

ในอดีตพลังดูดจะมาจาก “อำนาจเงิน” และ “อำนาจรัฐ”

แต่ครั้งนี้มี “อาวุธ” ใหม่ที่รุนแรงยิ่งกว่า

คือ การใช้ “คดีความ” มาต่อรอง

เกมนี้ได้ผลสำหรับนักการเมืองที่เจอคดีหนักๆ หรือประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวยังไม่มากนัก

แต่คนที่ “เก๋า” พอ จะรู้ว่า “คดีความ” นั้นยังมีเวลา

และ “ลมการเมือง” อาจเปลี่ยนทิศหลังเลือกตั้ง

ไม่แปลกที่โฉมหน้า ส.ส. ที่เปิดตัวตาม “พลังดูด” จึงยังไม่ใช่ “ตัวจริง-เสียงจริง”

การเด้ง พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์แบบ “ฟ้าผ่า” จึงเป็นเกมที่ทุกฝ่ายจับตามอง

มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเพิ่ม “พลังดูด” ครั้งใหม่หรือเปล่า

เพราะอำนาจ ปปง. ล้นฟ้า

ตรวจสอบบัญชีการเงินและยึดทรัพย์ได้

แต่ทั้งหมดเป็น “ข่าวลือ” ที่มุ่งทำลายความเป็นสุภาพบุรุษชายชาติทหารของแกนนำรัฐบาล

อาจเป็นแค่ “ควัน” เท่านั้นเอง

เชื่อหรือไม่??