‘คสช.-ตำรวจ’ แถลงสั่งฟ้อง 5แกนนำคนอยากเลือกตั้ง ย้ำทำตามหลักฐาน ไม่กลั่นแกล้ง

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบกพล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ11) ในฐานะทีมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร่วมกันแถลงถึงการดูแลสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่จะเคลื่อนขบวนมาทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช.รับทราบว่าเป็นการจัดกิจกรรมทางการเมือง และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จัดกำลังมีแผนงานรองรับอำนวยความสะดวกให้การจัดกิจกรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมทั้งป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย และความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ และทราบว่าจะเคลื่อนขบวนออกนอกพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบด้านจราจร ตนจึงขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมให้ความร่วม มือเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งในส่วนผู้จัดกิจกรรม และประชาชนทั่วไป ต้องไม่เกิดการกระทบกระทั่งขึ้น

พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมต่างๆต้องเป็นไปตามกฎหมาย และคำสั่งคสช. และต้องไม่ถูกปลุกเร้าให้เกลียดชังต่อกัน ส่วนการดูแลการจัดกิจกรรมวันนี้ ใช้กรอบกฎหมายปกติ และมอบให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการหลัก โดยยึดหลักการดูแลอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัย อีกทั้งการปฏิบัติงานเป็นไปตามขั้นตอนที่เหมาะสมตามอำนาจหน้าที่

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ดังนั้นผู้จัดชุมนุมยื่นขอจัดกิจกรรมไว้ตั้งแต่ต้น ถือว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมาย ผู้กำกับสน.ชนะสงครามฯ แจ้งให้แกนนำรับทราบแล้ว ทั้งนี้ตำรวจเตรียมพร้อมดูแลสถานการณ์ และยืนยันว่าไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิของผู้ชุมนุมแต่อย่างใด แต่เราพยายามทำให้เกิดความปลอดภัยในภาพรวมมากที่สุด นอกจากนี้เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายกฎหมายคสช. ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวนสน.ชนะสงคราม เพื่อให้ดำเนินการ จำนวน 5 คน คือ นายรังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายเอกชัย หงส์กังวาน นางสาวณัฏฐา มหัทธนา และนายปิยะรัตน์ จงเทพ ในข้อหาร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆที่มีจำนวนเกิน 5 คน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตหัวหน้าคสช. หรือผู้ได้รับมอบหมาย

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม จะให้ตัวแทนมายื่นหนังสือที่ทำเนียบ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า หากใช้สิทธิ เสรีภาพตามกฎหมาย ไม่กระทบผู้ใด น่าจะดำเนินการได้ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่ทั้งนี้จากการประเมินกลุ่มผู้ชุมนุม 300-500 คน อย่างไรก็ตามทางเจาหน้าที่มีแนวคิดไว้ก่อนว่าสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นบ้าง เพื่อหาทางออกให้ดีที่สุด
เมื่อถามอีกว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ผู้ชุมุนมเคลื่อนขบวนออกม.ธรรมศาสตร์ แต่ตอนนี้เคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่แล้ว จะมีมาตรการดำเนินการใด ต่อไป พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การเคลื่อนออกจากม.ธรรมศาสตร์เป็นที่ชัดเจนว่ามีความผิด ตามกฎหมาย และขัดคำสั่งคสช.ที่3/2558 ในอนาคตจะมีดำเนินการตามกฎหมายที่เราไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร จะเมื่อไหร่ หรือรูปแบบใดเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการ โดยใช้กฎหมายปกติดำเนินการ ขึ้นอยู่กับพยายามหลักฐาน

เมื่อถามอีกว่า จะใช้มาตรการเช็กบิลย้อนหลัง หรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเจรจา หากฝ่าฝืนคำสั่งคสช. หรือกฎหมาย อะไรเป็นความผิดซึ่งหน้าต้องถูกดำเนินการ อะไรที่สามารถดำเนินการภายหลัง เนื่องจากเป็นความผิดต้องถูกดำเนินการภายหลังได้เช่นกัน

เมื่อถามอีกว่า ตำรวจนำกำลังมามาก เป็นการข่มขู่ผู้ชุมนุม พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองแบบนั้น ในเรื่องการควบคุมฝูงชน ถ้าดูประเทศอื่นและตามกฎหมายเรา เรื่องจำนวนเจ้าหน้าที่คงไม่มีใครเอากำลังมาน้อยกว่าผู้ชุมนุม เพราะเราประเมินสถานการณ์ ตามหลักการไม่ได้ทำร้ายผู้ชุมนุมเพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ขัดแย้งกับผู้ใด

ผู้สื่อข่าวถามคสช.ว่า เป็นการรบไปเจรจาไปหรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้รบ เป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้น ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้รังแกประชาชนชนตามการประกาศของกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนที่มีข่าวว่า คสช.ไฟเขียวให้เดินขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ความจริงคือ อธิบายว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง การที่จะไปทำเนียบรัฐบาลใครจะไปกล้าไฟเขียว อีกทั้งทำเนียบรัฐบาลประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม และเจ้าหน้าที่ก็แจ้งแล้วว่าการออกมาชุมนุมนอกมหาวิทยาลัยก็ผิดคำสั่ง คสช.