รายงานพิเศษ/มองข้ามช็อต เกษียณ ’63 เอื้อ ‘พรรคข้าราชการ’? ยื้อบิ๊กทหาร ยืดเวลา ‘กองหนุน’ บิ๊กตู่ จับตา รมต.ทหารเรือ อีอีซี กับอนาคต ตท.16 แบ๊กอัพ ‘พี่ตู่’

มองข้ามช็อต เกษียณ ’63

เอื้อ ‘พรรคข้าราชการ’?

ยื้อบิ๊กทหาร ยืดเวลา ‘กองหนุน’ บิ๊กตู่

จับตา รมต.ทหารเรือ อีอีซี

กับอนาคต ตท.16 แบ๊กอัพ ‘พี่ตู่’

 

แม้รัฐบาลจะมีการชี้แจงว่า แผนการขยายอายุเกษียณราชการ จาก 60 ปี เป็น 63 ปี จะเป็นแค่แผนการปฏิรูปประเทศ ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 6 เมษายน 2561 แล้ว แต่ยังไม่มีผลใดๆ เพราะต้องไปศึกษาหารือร่วมกันของหลายหน่วยงานก่อนก็ตาม

โดยมีความพยายามที่จะให้เข้าใจกันว่า ไม่มีอะไร แค่ศึกษา ยังไม่เอาจริง แต่ทว่า มันประกาศในราชกิจจาฯ แล้ว

แถมในหมู่ข้าราชการ โดยเฉพาะทหาร ต่างมีความหวังที่จะได้ต่ออายุราชการไปอีก เพราะมีข้าราชการและทหารแค่จำนวนน้อยนิดที่อยากจะเกษียณราชการ 60 ตามเดิม

แต่ส่วนใหญ่ล้วนดีใจที่มีการยืดอายุเกษียณราชการ เพราะดูเหมือนไม่มีใครอยากจะพักผ่อน และไม่มีใครอยากหลุดวงโคจรของอำนาจ

และคาดกันว่า คำชี้แจงต่างๆ ที่ออกมานั้น ก็เพื่อที่จะลดกระแสความแตกตื่นในช่วงแรกๆ เท่านั้น

ที่สำคัญ กำลังเป็นที่จับตามองว่า ในที่สุดแล้ว แผนนี้จะยืดอายุราชการให้ข้าราชการบางสาขาอาชีพ หรือที่มีความสามารถพิเศษเท่านั้น หรือว่าจะเป็นการขยายอายุราชการให้ข้าราชการทั้งหมด ที่แน่นอนว่า จะถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ข้าราชการหรือไม่

เพราะในยุครัฐบาล คสช. นี้ ถูกเรียกขานว่าเป็นยุคพรรคทหารและพรรคข้าราชการ

 

บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มักจะปลุกจิตสำนึกความเป็นข้าราชการให้ต่อสู้ ไม่ยอมให้นักการเมืองมาสั่ง และนำแต่งชุดข้าราชการทุกวันจันทร์

อีกทั้งวางใจให้ข้าราชการดูแลบริหารงานทั้งหมด ในช่วงที่ไม่มีนักการเมืองมาสั่งการเช่นนี้

จึงทำให้แผนการยืดอายุเกษียณนี้ ถูกเข้าใจว่าเป็นแผนให้ข้าราชการที่ คสช. ไว้วางใจได้ ได้ยืดอายุราชการออกไปอีก เพื่อยื้อเวลา อำนาจเปลี่ยนขั้วในฝ่ายข้าราชการ

โดยเฉพาะกองทัพ ที่เป็นกองหนุนสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังถูกจับตามองว่า แผนการยืดอายุราชการนี้ จะทำให้บิ๊กทหารหลายคนเกษียณพ้นจากอำนาจนานขึ้นหรือไม่

นัยหนึ่งก็เพื่อรองรับการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังการเลือกตั้งด้วยอีกทางหนึ่ง

ทั้งการให้คนที่จะเกษียณราชการในปี 2562 และ 2563 ไปเกษียณราชการอายุ 61 ปี ส่วนผู้ที่จะเกษียณราชการปี 2564 และ 2565 ไปเกษียณเมื่ออายุ 62 ปี และผู้ที่จะเกษียณปี 2566 และ 2567 ให้ไปเกษียณเมื่ออายุ 63 ปี

และหลังจากนั้น ให้เกษียณที่อายุ 63 ปีทั้งหมด

(ซ้าย) พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ (กลาง) พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา (ขวา) พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้
(ซ้าย) พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ (ขวา) พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง

 

หากในที่สุด ผลการศึกษาและปรึกษาหารือของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และสรุปออกมาตามนั้น ก็มีโอกาสที่จะได้เห็น ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ จะเกษียณราชการตอนอายุ 61 ปี

ที่คาดกันว่า บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. โยกย้ายตุลาคม 2561 นี้ จากที่มีกำหนดจะเกษียณกันยายน 2563 ก็จะได้บวกเวลาเพิ่มไปอีก 1 ปี ได้เกษียณอายุ 61 ปี

เช่นเดียวกับ ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ เช่น บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร ที่คาดหมายว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่ ที่เดิมจะเกษียณกันยายน 2562 ก็จะได้เป็นต่ออีก 1 ปี จะไปเกษียณที่กันยายน 2563

หรือ บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. ที่คาดหมายกันว่าจะได้เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ และบิ๊กยาว พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เสธ.ทอ. ที่คาดหมายกันว่าจะเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ นั้นก็มีอายุราชการถึงกันยายน 2563 ที่ก็ได้ยืดเวลาเกษียณออกไปอีก 1 ปี

หรือแม้แต่บิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม ลูกเลิฟบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คาดว่าจะขึ้นเป็นปลัดกลาโหมนั้น เดิมมีอายุราชการถึงปี 2564 ก็จะได้ยืดอายุไปเกษียณตอนอายุ 62 ปี หรือ 2566 เลยทีเดียว

จึงไม่แปลกที่แผนการยืดอายุเกษียณราชการ 63 ปีเช่นนี้ จะถูกมองว่าเป็นการยื้อเวลาให้กองหนุนของ คสช.

ทั้งๆ ที่ทหารในกองทัพ โดยเฉพาะระดับนายพล หรือบิ๊กทหารนั้น ล้นกองทัพ ควรจะให้เกษียณราชการไปตามวาระปกติ

แม้จะมีการอ้างว่าเพื่อลดปัญหาสังคมผู้สูงอายุ แต่ทว่า งบประมาณที่ต้องใช้ในการจ่ายเงินเดือนข้าราชการที่ต้องยืดเวลาเกษียณออกไป ยิ่งมหาศาล

พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล
(ซ้าย) พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ (ขวา) พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ

 

ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยออกปากว่า ทุกวันนี้ทหารในกองทัพก็มากมายอยู่แล้ว รุ่นพี่ไม่เกษียณ แล้วรุ่นน้องจะขึ้นยังไง รวมทั้งแจงว่า จะยืดอายุให้เฉพาะข้าราชการที่มีความสามารถในสาขาอาชีพพิเศษเท่านั้น และไม่เกี่ยวกับกองทัพ

แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นคนอนุมัติแผนปฏิรูปประเทศ และออกคำสั่งนี้ด้วยตนเอง และจับตากันว่า จะครอบคลุมถึงข้าราชการกระทรวงกลาโหม หรือทหารทั้งกองทัพหรือไม่

ด้วยเพราะจะเป็นการแก้ปัญหา การจัดวางตัวแม่ทัพนายกอง เพราะมีนายทหารหลายคนที่เกษียณราชการพร้อมกัน แต่หากยืดเวลาออกไป ก็จะมีโอกาสผลัดกันนั่งเก้าอี้ เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง แย่งชิงเก้าอี้ ที่เริ่มมีปรากฏเค้าลางในบางตำแหน่ง

จึงจะทำให้เตรียมทหาร 22 ที่เป็นแคนดิเดตขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ. ในอนาคต ถูกจับตามองเขม็ง เพราะอายุราชการใกล้ๆ กัน ทั้งบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพน้อยที่ 1 เดิมเกษียณกันยายน 2564 บิ๊กติ่ง พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เดิมเกษียณกันยายน 2565 บิ๊กบี้ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เกษียณกันยายน 2566

การยืดอายุเกษียณราชการออกไป จะทำให้เหลือเวลาที่พอจะให้มีการต่อแถวกันขึ้นเป็นผู้นำกองทัพได้ด้วย

ดังนั้น จึงทำให้แนวทางการปฏิรูปประเทศด้านสังคมนี้ถูกจับตามองอย่างมากว่า จะออกมาอย่างไร เหราะหากเป็นแค่การยืดอายุเกษียณของข้าราชการบางสาขาอาชีพ และที่มีความชำนาญพิเศษ ก็ไม่น่าจะเกิดแรงกระเพื่อม

แต่หากรัฐบาลต้องการแค่นั้น ก็สามารถเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติต่ออายุราชการ ข้าราชการเป็นรายบุคคลได้ เช่นที่เคยทำมา

แต่เมื่อออกมาเป็นแผนปฏิรูป และประกาศออกมาแล้วเช่นนี้ จึงถูกจับตามองอย่างหนัก

 

ขณะที่การเข้ามาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีของเสี่ยแป๊ะ นายสนธยา คุณปลื้ม เพื่อมาคุมโครงการระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC กำลังเป็นที่จับตามองว่า จะเป็นการโยนผลประโยชน์ก้อนใหญ่ให้ เพื่อเป็น “ดีล” การมาร่วมรัฐบาลพรรคทหาร หลังการเลือกตั้งหรือไม่ โดยเฉพาะการเป็น รมว.คมนาคม

โดยเชื่อกันว่า นายสนธยาก็จะต้องทำงานกับทหารเรืออย่างใกล้ชิด เพราะในส่วนของทหารเรือ ซึ่งคุมทั้งสนามบินอู่ตะเภา และการท่าเรือสัตหีบนั้น ก็มีแผนที่จะทำโครงการต่างๆ รองรับมากมาย แม้จะเป็นเสี้ยวหนึ่งของโครงการอีอีซีทั้งหมดก็ตาม

แต่เชื่อกันว่า ไม่มีปัญหา เพราะนายสนธยาก็เป็นคนในพื้นที่ และเติบโตมาใน จ.ชลบุรี ที่ก็เป็นพื้นที่ทหารเรือ จึงน่าจะทำงานกับทหารเรือได้อย่างไร้รอยต่อ

อีกทั้งรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะทำงานในส่วนของกองทัพเรือขึ้น โดยมีบิ๊กโส พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล ประธานที่ปรึกษา ทร. เป็นประธาน และมีการตั้งอนุกรรมการและคณะทำงานอีกมากมาย

จนทำให้ พล.ร.อ.โสภณ ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. ในโยกย้ายตุลาคมนี้ ก็มีความหวังที่จะลุ้นเป็น ผบ.ทร. แข่งกับแคนดิเดตคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อน ตท.18 ด้วยกันทั้งสิ้น

เพราะว่ากันว่า ในยามนี้ แคนดิเดตทั้ง 4 คน ไม่มีใครยอมแพ้หรือยอมยกธงขาว ตราบใดที่คำสั่งยังไม่ออก ทุกคนก็ยังคงมีความหวัง แม้ พล.ร.อ.ลือชัย จะเป็นเต็งหนึ่ง แต่บิ๊กนวล พล.ร.อ.นวพล ดำรงพงศ์ ผช.ผบ.ทร. ก็ยังมีความหวัง

รวมทั้งบิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสธ.ทร. ที่เพิ่งร่วมคณะ พล.อ.ประวิตร ไปเยือนกลาโหมสหรัฐอเมริกามา ก็ได้แสดงฝีมือในการประชุมเจรจากับทางสหรัฐในเรื่องประมง และความมั่นคงทางทะเล

ไม่แค่นั้น ในส่วนของอีอีซีที่เป็นนโยบายหลักของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น มีการตั้งบิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.ทวีชัย บุญอนันต์ อดีตประธานที่ปรึกษา ทร. ที่เพิ่งเกษียณราชการไป เป็นที่ปรึกษาฯ เพราะได้ทำโครงการนี้มาก่อนที่จะเกษียณราชการ

ไม่แค่นั้น พล.ร.อ.ทวีชัยยังเป็นเพื่อนรัก ตท.15 ของบิ๊กณะ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ อดีต ผบ.ทร. อีกด้วย และทำโครงการพัฒนาใน ทร. ต่างๆ มามากมาย

 

ท่ามกลางการจับตามองว่า ทหารเรือที่มาช่วยดูแลโครงการอีอีซีนี้ อาจได้ร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังการเลือกตั้ง เพื่อให้การทำงานต่อเนื่อง เช่น การเป็น รมช.คมนาคม

ทั้ง พล.ร.อ.ณะ ที่แม้ตอนนี้จะไปทำหน้าที่มัคทายกวัดบางนานอก ก็ตาม แต่ก็ยังไม่ขาดการติดต่อกับบ้านมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ รวมทั้งบิ๊กปุ้ม พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายของบิ๊กป้อม

รวมทั้งบิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. ที่กำลังจะเกษียณกันยายน 2561 นี้ ก็เป็นที่รู้กันดีว่า มีความรู้จักสนิทสนมกับน้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ และก็เป็นนายทหารเรือมาดเงียบ เรียบ นิ่งๆ ที่ถูกใจ พล.อ.ประยุทธ์ไม่น้อย

อย่าลืมว่า ในยุครัฐบาล คมช. ของบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังให้บิ๊กห้าว พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ อดีต ผบ.ทร. ก็ได้มาเป็น รมว.คมนาคม มาแล้ว ดังนั้น ในสายงานคมนาคม เคยมีเชื้อของทหารเรืออยู่

 

อีกทั้งพลังของเตรียมทหารรุ่น 16 ยังคงแน่นปึ้ก แม้ว่าในกันยายนนี้จะเกษียณราชการกันยกแผง แต่ก็ถูกจับตามองว่า จะยังไม่ได้เกษียณ ที่ตอนนี้ มีบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็น รมช.กลาโหม ส่วนบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ก็ถูกมองว่ามีตำแหน่งสำคัญรองรับ

ด้วยเพราะนอกจากจะได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็น ผบ.ทบ. แล้ว ยังเป็นเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ของ คสช. คุมกำลังทุกเหล่าทัพอีกด้วย

ไม่นับรวมสายสัมพันธ์พี่น้องรบพิเศษกับ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และสายบ้านสี่เสาเทเวศร์

เพราะพลังของเตรียมทหารรุ่น 16 ยังคงปึ้ก เพราะเป็นรุ่นที่เป็น ผบ.เหล่าทัพครบทั้ง พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. พล.ร.อ.นริส ผบ.ทร. และบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. ที่จะเกษียณกันยายนนี้พร้อมกัน

ไม่แค่นั้น ยังมีบิ๊กนิค พล.ร.อ.พงษ์เทพ หนูเทพ เป็นองคมนตรี และบิ๊กเป็ด พล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ เป็นรองสมุหราชองครักษ์ อีกด้วย

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงต้องการน้องๆ ในกองทัพ รวมถึง ผบ.เหล่าทัพ และอดีต ผบ.เหล่าทัพ เป็นกองหนุน ในการช่วยทำงานในอนาคตอันใกล้ หากได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง

เรียกได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการแบ๊กอัพทั้งที่เป็นนายทหารที่คุมกำลังในกองทัพ และอดีตบิ๊กทหาร อดีต ผบ.เหล่าทัพ และข้าราชการ เป็นกองหนุนให้เก้าอี้นายกฯ มั่นคงแข็งแรง ท่ามกลางพรรคร่วมรัฐบาลที่พร้อมจะสร้างปัญหาให้เสมอ

นี่เองที่ทำให้การยืดอายุเกษียณราชการของข้าราชการ ที่ 63 ปีนั้น ถูกจับตามองว่าจะเป็นแผนหนึ่งในการเสริมทัพ เสริมกองหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่

อีกไม่นาน ความจริงก็จะปรากฏว่า คิดกันไปเอง หรือว่าจะกลายเป็นความจริง