ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 เมษายน 2564 |
---|---|
เผยแพร่ |
ไทม์เอาต์/SearchSri
เอฟวัน 2021
ฤดูกาลที่น่าดู
การแข่งขัน ฟอร์มูล่าวัน ฤดูกาล 2021 เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว กับรายการ บาห์เรน กรังด์ปรีซ์ เมื่อกลางเดือนมีนาคม เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลประวัติศาสตร์ที่บรรจุโปรแกรมแข่งขันมากเป็นประวัติการณ์ถึง 23 สนาม
ช่วงแรกอาจจะทุลักทุเลไปบ้าง เมื่อต้องเปลี่ยนโปรแกมเปิดฤดูกาลจาก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ไปบาห์เรน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้รัฐบาลออกกฎให้คนที่เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน ก่อนจะทำกิจกรรมใดๆ ได้
แต่เมื่อการแข่งขันสนามแรกเปิดฉาก ก็เริ่มมีสัญญาณน่าสนใจว่า วงการรถสูตรหนึ่งฤดูกาลนี้ น่าจะเป็นฤดูกาลที่น่าติดตามที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีหลังเลยทีเดียว
ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาเอฟวันเป็นเรื่องของการผูกขาดความสำเร็จของทีมที่ปรับตัวกับกฎเกี่ยวกับเครื่องยนต์ได้ดีกว่าและเร็วกว่า
ดังปรากฏว่าช่วงปี 2010-2013 เรดบูล ครองแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตอย่างต่อเนื่องด้วยสมรรถนะรถที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยมี เซบาสเตียน เวทเทล นักซิ่งชาวเยอรมัน ครองแชมป์ในช่วงเวลาดังกล่าว
ต่อมา เมอร์เซเดส ซึ่งพัฒนาเครื่องยนต์รอรับการเปลี่ยนแปลงกฎครั้งใหญ่ของเอฟวันในปี 2014 ก็ก้าวขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ชนิด “ไร้เทียมทาน” นานถึง 7 ปีจนถึงปัจจุบัน ส่งให้ ลูอิส แฮมิลตัน กลายเป็นเจ้าของแชมป์โลก 7 สมัย เทียบเท่าสถิติสูงสุดของ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานนักขับชาวเยอรมัน โดยมี นิโก้ รอสเบิร์ก เพื่อนร่วมทีมสอดแทรกขึ้นมาแย่งแชมป์ได้ในปี 2016 แต่แชมป์ก็ยังอยู่กับเมอร์เซเดสอยู่ดี
กระทั่งฤดูกาลนี้ เอฟวันและสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ได้ปรับเปลี่ยนกฎครั้งสำคัญอีกครั้งโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความ “แฟร์” ในการต่อสู้แย่งแชมป์มากขึ้น
แรกสุดคือการปรับเปลี่ยนดีไซน์รถให้ทันสมัย ถูกใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น
ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความได้เปรียบเสียเปรียบของการขับตามกัน จากเดิมที่อากาศปั่นป่วนของรถคันหน้าจะส่งผลต่ออากาศพลศาสตร์ของรถคันหลัง จนเสียดาวน์ฟอร์ซ 40-50 เปอร์เซ็นต์
ดีไซน์ใหม่จะลดค่าดังกล่าวเหลือ 5-10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีกฎควบคุมงบประมาณในการทำทีมตลอดฤดูกาล เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมมากขึ้น เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยกำหนดเพดานทำทีมไว้ไม่เกิน 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5,425 ล้านบาท) ต่อทีม ตลอดฤดูกาล
ว่าไปก็คล้ายๆ กฎควบคุมการเงิน ไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ (FFP) ของกีฬาฟุตบอล แต่ต่างกันในรายละเอียด
นั่นคือความเปลี่ยนแปลง 2 ข้อหลักๆ ไม่นับรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ อีกไม่น้อย ซึ่งแค่การแข่งขันสนามแรกก็เริ่มเห็นข้อแตกต่างจากฤดูกาลที่ผ่านๆ มาอย่างน่าสนใจ
ในรอบคัดเลือกบาห์เรน กรังด์ปรีซ์ กลายเป็น มักซ์ เวอร์สตัปเปน นักซิ่งหนุ่มเรดบูลที่ทำเวลาดีที่สุด แต่สุดท้ายเป็นแฮมิลตันที่คว้าแชมป์ เพราะจุดเปลี่ยนช่วงเดียวระหว่างแข่ง เมื่อเวอร์สตัปเปนแซงแฮมิลตันขึ้นนำ แต่ทำผิดกฎเพราะรถวิ่งออกนอกแทร็กในจังหวะแซง ต้องยอมให้แฮมิลตันแซงคืน
หลังจบเรซนี้ ทั้งตัวแฮมิลตันและเมอร์เซเดสยอมรับว่า นี่น่าจะเป็นเอฟวันที่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีหลัง ขณะที่เรดบูลเอง เมื่อได้ เซร์คิโอ เปเรซ นักขับมือเก๋ามาเป็นมือสองของทีมแทน อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักซิ่งหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ ก็คาดหวังว่าเปเรซจะผลักดันให้เวอร์สตัปเปนต้องพัฒนาตัวเองมากขึ้น ทั้งในแง่การเป็นคู่แข่งและผู้สนับสนุนในสนาม
ยิ่งปีนี้กำหนดปฏิทินแข่งขันมากกว่าทุกปี แถมมีเพดานงบประมาณกำกับไว้ ยิ่งเป็นโจทย์ยากที่แต่ละทีมต้องวางแผนระยะยาว และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันไป
เรียกว่าเป็นด่านทดสอบครั้งใหญ่ของฝ่ายนักแข่งและทีมงาน แต่ในแง่คนดูแล้วถือว่าเป็นความสนุกที่น่าติดตามในรอบหลายปีเลยทีเดียว!