ความสำเร็จของ “อาเซียน” ในโอลิมปิก “ริโอเกมส์ 2016”

โดย เมอร์คิวรี่ [email protected]

มหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2016* “รีโอเกมส์” ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากทัพนักกีฬาไทยที่สามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการทวงเหรียญทองคืนได้สำเร็จแล้วก็ยังมีชาติเพื่อนบ้านร่วมอาเซียนที่สร้างผลงานครั้งประวัติศาสตร์ในการแข่งขั้นครั้งนี้ด้วย

ทัพนักกีฬาไทยประเดิมคว้าเหรียญทองแรกในรีโอเกมส์ 2016 จาก “น้องแนน” โสภิตา ธนสาร จอมพลังสาวรุ่น 48 ก.ก. ทำให้สิ้นสุดการรอคอยเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ของไทยในรอบกว่า 8 ปี หลังจากที่ครั้งล่าสุดต้องย้อนไปโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งไทยคว้าเหรียญทองได้จาก “น้อย” สมจิตร จงจอหอ นักชกรุ่นฟลายเวต 51 ก.ก.

หลังจากเปิดทองแรกในรีโอเกมส์ ทัพยกเหล็กเดินหน้าโกยเหรียญต่อเนื่องจาก “น้องฝ้าย” สุกัญญา ศรีสุราช คว้าเหรียญทองรุ่น 58 ก.ก.หญิง พร้อมสร้างสถิติโอลิมปิกใหม่ท่าสแนตช์ 110 ก.ก. รวมถึงยังได้อีก 1 เหรียญเงินจาก “ฮีโร่แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว ในรุ่นเดียวกันที่คว้าได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และอีก 1 เหรียญทองแดงจาก “ดุ่ย” สินธุ์เพชร์ กรวยทอง รุ่น 56 ก.ก.ชาย รวมแล้วทัพยกเหล็กไทยคว้า 2 เหรียญทอง 1 เงิน และ 1 เหรียญทองแดง

นอกจากนั้น ทัพนักกีฬาไทยยังได้ลุ้นเหรียญเพิ่มได้อีกจากทั้ง “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟหญิงเบอร์ 2 ของโลก และ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดสาวเบอร์ 2 ของโลก ดีกรีแชมป์โลกปี 2015

นับเป็นความสำเร็จเกินความคาดหมายตั้งแต่เพียงเริ่มต้นการแข่งขันได้ไม่นาน เพราะทางคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะเตรียมทัพนักกีฬาไทยตั้งเป้าหมายไว้เพียงแค่การทวงเหรียญทองกลับคืนมาสู่ประเทศไทยให้ได้อีกครั้งเท่านั้น!

ขณะเดียวกัน ทัพนักกีฬาชาติเพื่อนบ้านร่วมอาเซียนของไทยก็ประสบความสำเร็จในโอลิมปิกเกมส์ 2016 ไม่น้อยหน้าเช่นกัน

โดยเวียดนามคว้าเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของชาติตัวเองได้แล้วจาก หวง ซวน วินห์ นักยิงปืนหนุ่มวัย 41 ปี ในรายการปืนสั้นอัดลม 10 เมตรชาย อีกทั้งแม่นปืนหนุ่มรายนี้ยังหยิบอีก 1 เหรียญเงินจากรายการปืนสั้น 50 เมตรชายด้วย

นับเป็นการปิดฉากการรอคอยกว่า 60 ปีของเวียดนามในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ และสิ้นสุดเวลากว่า 6 ปีในการคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์อีกครั้งได้อย่างน่าประทับใจ!

ทัพนักกีฬาสิงคโปร์เองก็ประเดิมเหรียญทองประวัติศาสตร์ได้จาก “โจเซฟ สคูลลิ่ง” นักว่ายน้ำหนุ่มดาวรุ่งวัย 21 ปี เจ้าของ 16 เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ และ 1 เหรียญทองกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ประเดิมผลงานยอดเยี่ยมในโอลิมปิกเกมส์สมัยแรกของตัวเองด้วยการคว้าแชมป์รายการผีเสื้อ 100 เมตรชาย

แต่ยิ่งกว่านั้น สคูลลิ่งยังเบียดเอาชนะ “ไมเคิล เฟลป์ส” ยอดฉลามหนุ่มสหรัฐ วัย 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของ 23 เหรียญทองโอลิมปิก โดยที่สคูลลิ่งว่ายแตะขอบสระคนแรกด้วยเวลา 50.39 วินาที ดีกว่าเฟลป์ส 0.75 วินาที อีกทั้งยังเป็นการทำลายสถิติโอลิมปิกของเฟลป์สที่เคยทำไว้ 50.58 วินาที เมื่อโอลิมปิกเกมส์ 2008 ลงอย่างราบคาบด้วย

เหรียญทองของสคูลลิ่งนี้ ทำให้เขาจะได้รับเงินรางวัลก้อนโต 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 26 ล้านบาท) จากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งสิงคโปร์ แต่เขาจะต้องแบ่งจ่ายเงินจำนวน 200,000 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 5.2 ล้านบาท) ให้กับสมาคมว่ายน้ำของสิงคโปร์ด้วย

ส่วนทัพอินโดนีเซียคว้าได้ 2 เหรียญเงินจากยกน้ำหนัก รุ่น 48 ก.ก.หญิง “สรี วาห์ยูนี่ อกุสเตียนี่” และรุ่น 62 ก.ก.ชาย “เอโค ยูลี่ ไอราวาน” โดยผลงานดีกว่าโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งได้เพียง 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดงจากยกน้ำหนักเช่นกัน และเป็น เอโค ยูลี่ ไอราวาน ที่ครั้งก่อนได้แค่เหรียญทองแดง แต่ครั้งนี้ขยับขึ้นมาครองเหรียญเงิน

ต่อมาที่ทัพนักกีฬามาเลเซียคว้า 1 เหรียญเงินจากกระโดดน้ำหญิงคู่ แพลตฟอร์ม 10 เมตร “ปานเดเลล่า รินอง ปาม” และ “จุน ฮุง ชอง” ซึ่งในรายของ ปานเดเลล่า รินอง ปาม ทำผลงานได้ดีกว่าครั้งก่อนที่เธอเคยคว้าเหรียญทองแดงเท่านั้น แต่หนนี้เธอก้าวขึ้นมาหยิบเหรียญเงินได้สำเร็จ

ในส่วนทัพนักกีฬาฟิลิปปินส์คว้าได้ 1 เหรียญเงินจากยกน้ำหนัก รุ่น 53 ก.ก.หญิง “ไฮดิลิน ดิแอซ” ถือเป็นการคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ของฟิลิปปินส์ในรอบกว่า 20 ปี หลังจากครั้งล่าสุดเคยคว้าเหรียญเงินในโอลิมปิกเกมส์ 1996 ที่แอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา จาก แมนซูเอโต้ “ออนยอค” เวลาสโก้ นักมวยสากลชายรุ่นไลต์ฟลายเวต 48 ก.ก.

ด้านทัพนักกีฬากัมพูชาแม้จะยังไม่เคยมีเหรียญโอลิมปิกเกมส์เลย แต่พวกเขาฝากความหวังสูงสุดไว้กับ ศร เสี่ยวมี่ นักเทควันโดสาวที่เคยสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2014 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และครั้งนี้เธอเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการวงการกีฬากัมพูชาอีกครั้ง

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2016 ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ชาติอาเซียนคว้าเหรียญรางวัลได้พร้อมกันมากถึง 5 ประเทศ และหลังจากผ่านครึ่งทางของการชิงชัย ชาติอาเซียนได้เหรียญรวมกันแล้ว 4 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง

ถือเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมกว่าในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ซึ่งชาติอาเซียนไม่มีเหรียญทองติดมือเลย ทำได้เพียง 4 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง มาจาก 4 ชาติคือ ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และแซงหน้าผลงาน 3 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง ในโอลิมปิกเกมส์ 2008 รวมถึง 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดงจากโอลิมปิกเกมส์ 2000 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียได้อีกด้วย

ด้านทัพนักกีฬาจากลาว, บรูไน และพม่า ยังไม่เคยคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกเกมส์ได้เลย และยังไม่สามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นในรีโอเกมส์ 2016 โดยครั้งนี้ลาวมีนักกีฬาได้โควต้าเข้าร่วมชิงชัย 6 คนจาก 4 ชนิดกีฬาคือ กรีฑา 2 คน, จักรยาน 1 คน, ยูโด 1 คน และว่ายน้ำ 2 คน

ขณะที่บรูไนมีนักกีฬาคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 3 คนจาก 2 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา 2 คน และแบดมินตัน 1 คน ส่วนพม่ามีนักกีฬาผ่านการคัดเลือกมาได้ 7 คนจาก 5 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ยิงธนู 1 คน, กรีฑา 2 คน, ยูโด 1 คน, ยิงปืน 1 คน และว่ายน้ำ 2 คน แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถสร้างผลงานคว้าเหรียญรางวัลได้

แต่การได้เข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ นับว่าเป็นประสบการณ์บนสังเวียนกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งสำคัญของพวกเขาที่จะนำกลับไปพัฒนาตัวเอง และวางการกีฬาของชาติต่อไป

จากความสำเร็จของทัพนักกีฬาอาเซียนในรีโอเกมส์ 2016 ทำให้มาตรฐานการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างกีฬาซีเกมส์ ครั้งต่อไป ที่ประเทศมาเลเซีย ในช่วงปีหน้า จะทวีคูณความเข้มข้นในการชิงชัยเพิ่มขึ้นไปตามลำดับด้วย เพราะแต่ละชาติเริ่มแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาในวงการกีฬาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด

เหลือแค่เพียงการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันให้ก้าวทันตามพัฒนาการของนักกีฬาเท่านั้น เชื่อว่ามหกรรมกีฬาซีเกมส์จะช่วยยกระดับนักกีฬาอาเซียนให้ก้าวไปสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมระดับเอเชียในเอเชี่ยนเกมส์ และระดับโลกในโอลิมปิเกมส์ครั้งต่อๆ ไปได้อย่างแน่นอน มิใช่ว่าเป็นเพียงการแข่งขันที่เจ้าภาพจัดขึ้นมาหวังโกยเหรียญทองบนแผ่นดินตัวเองเท่านั้น

สำหรับทัพนักกีฬาไทยคงต้องพัฒนาศักยภาพขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวผ่านระดับอาเซียนไปสู่ระดับโลกให้ได้อย่างแท้จริง!