เด็กเก็บบอล : บททดสอบหัวใจของ “เมสซี่เจ” ชนาธิป

คอลัมน์เขย่าสนาม

กลายเป็นประเด็นใหญ่ทั้งสำหรับวงการบันเทิงและวงการฟุตบอลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กับการเลิกรากันของ “เมสซี่เจ” “ชนาธิป สรงกระสินธ์” กับดาราสาว “เมย์” “พิชญ์นาฏ สาขากร” ที่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ความรักของทั้งคู่ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้น ตามสายตาแฟนฟุตบอลและแฟนคลับทั่วๆ ไป มองกันว่าหลังจากผ่านอะไรกันมาจนทั้งคู่คบกันมาได้เกือบ 3 ปี เชื่อว่าน่าจะอยู่ในช่วงที่รักสุกงอมและอาจจะมีข่าวดีกันเร็วๆ นี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เจ้าเจเดินทางไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่น กับสโมสร “คอนซาโดเล่ ซัปโปโร” ในช่วงครึ่งปีหลัง

แต่ความสวีตของทั้งสองก็ยังไม่ลดลง แม้ว่าจะมีระยะทางที่ห่างไกลมากขึ้น แต่ฝ่ายหญิงก็พยายามเดินทางไปหาบ่อยครั้ง ไปเชียร์ติดขอบสนามเมื่อมีเวลาว่างเหมือนปกติ

ยิ่งหลังจากที่ “เจลีก ญี่ปุ่น” ปิดฤดูกาล ชนาธิปเดินทางกลับมาพักที่ประเทศไทย พร้อมกับเข้าอุปสมบท จนหลายคนมองว่าจะเป็นการบวชเพื่อเตรียมสู่งานวิวาห์ในเร็วๆ นี้

ทว่า สถานการณ์กลับตาลปัตร เมื่อหลังจากที่ชนาธิปเดินทางกลับไปยังญี่ปุ่นได้ไม่นาน ดาราสาวก็ได้โพสต์ภาพผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอว่าได้ยุติความสัมพันธ์กับนักฟุตบอลหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย

เรื่องราวที่ออกมาจากทางฝ่ายหญิงคือภายหลังจากที่ได้คบกันมาระยะหนึ่งก็เริ่มมีคิดถึงเรื่องของการแต่งงาน แต่ทว่า หลังจากที่เริ่มปรึกษาครอบครัว ครอบครัวของฝั่งเจนั้นบอกว่าไม่มีฤกษ์ดี และต้องรอไปอีก 3 ปี รวมไปถึงเหตุผลที่ว่าทั้งสองคนนั้นเกิดปีนักษัตรระกาเหมือนกัน ถ้าอยู่ด้วยกันจะไม่ดี

ขณะที่จากครอบครัวของฝ่ายชายเองก็มีเหตุผลออกมาเช่นกันว่าหลังจากที่สร้างสนามฟุตบอลเสร็จนั้นได้ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ทำให้เงินที่บ้านไม่เหลือเก็บสะสม จึงอยากให้ลูกชายนั้นทำงานเก็บเงินอีกสักก้อนค่อยไปขอฝ่ายหญิงให้สมศักดิ์ศรี

หลายคนมองว่าการเลิกรากันของทั้งสองคนนี้มันเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอายุ ที่แตกต่างกันอย่างมากของทั้งสองคน คือฝ่ายหญิงมากกว่า 12 ปี ด้วยวัยของชนาธิป ที่ยังถือว่าหนุ่มแน่น ยังสามารถเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพได้อีกหลายปี แต่ตัวฝ่ายหญิงเองก็อยู่ในวัยที่ควรมีครอบครัวแล้ว

หรืออีกหนึ่งอย่างที่หลายคนมักจะพูดกันว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่การแต่งงานนั้นเป็นเรื่องของครอบครัวสองครอบครัว แม้ว่าทั้งสองคนจะมีความรักกันมากขนาดไหน แต่สุดท้ายถ้าหากครอบครัวไม่สามารถเข้ากันได้ เรื่องการแต่งงานก็เป็นไปได้ยาก

สุดท้ายแล้วไม่ว่าทั้งสองคนจะมีอันต้องเลิกรากันด้วยสาเหตุอะไร ก็คงไม่มีใครที่สามารถรู้ความจริงได้นอกจากทั้งสองคนเอง

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงและน่ากังวลหลังจากนี้คงเป็นเรื่องของอนาคตของเมสซี่เจเสียมากกว่า เพราะหลายๆ ครั้งเราเคยเห็นนักเตะระดับโลกที่มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความรัก หรือเรื่องนอกสนาม จนทำให้ผลงานในสนามนั้นย่ำแย่ลงไป

อย่างเช่นในรายของ “เฮนริกห์ มคิตายาน” กองกลางทีมชาติอาร์เมเนีย ซึ่งอยู่กับ “ปีศาจแดง” “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ช่วงต้นฤดูกาลเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น มีข่าวปลูกต้นรักกับ “วิกตอเรีย โลปีเรว่า” อดีตนางงามรัสเซีย ซึ่งตอนนี้ก็เป็นทูตสาวให้ประเทศรัสเซียสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 อีกด้วย

ช่วงที่รักกำลังสุกงอม มคิตายานโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ลงสนาม 4 นัด ยิงไป 3 แถมแอสซิสต์อีก 5 เรียกได้ว่าท็อปฟอร์มที่สุดตั้งแต่ย้ายมาก็ว่าได้

แต่หลังจากนั้นหลังจากที่นางงามรัสเซียประกาศแต่งงานกับนักแสดงชื่อดังรายหนึ่ง ทำให้ฟอร์มของดาวเตะทีมชาติอาร์เมเนียนั้นตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด จนสุดท้ายเขาต้องถูกปล่อยออกจากทีมไปให้ “ปืนใหญ่” “อาร์เซนอล” แลกกับการมาของ “อเล็กซิส ซานเชซ” ในที่สุด

อีกหนึ่งแข้งปีศาจแดง ที่มีปัญหานอกสนามจนส่งผลถึงในสนามก็เป็น “อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล” ที่หลังจากย้ายมาก็มีปัญหากับภรรยาเก่า จนทำให้เขาฟอร์มตกลงไปอย่างมากในฤดูกาลที่แล้ว ก่อนที่จะเคลียร์ปัญหาได้ และกลับมาเล่นในฟอร์มของตัวเองได้อีกครั้ง

หรืออย่างกรณีของ “เดยัน ลอฟเรน” ปราการหลังชาวโครแอตของ “หงส์แดง” “ลิเวอร์พูล” นี่เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ประสบปัญหานอกสนามจนส่งผลเข้ามาถึงฟอร์มในสนาม

เรื่องของลอฟเรนนั้นมีปัญหาเรื่องของภรรยาสาวนอกใจ แถมยังถูกมาเฟียขู่ฆ่า ทำให้ผลงานของเขากับทีมดังจากเมอร์ซีย์ไซด์นั้นถูกมองว่าเป็นจุดบอดของทีม หลายๆ นัดเล่นผิดพลาดแบบง่ายๆ จนทำให้ทีมเสียประตู

ดังนั้น นี่จึงเป็นคำถามที่สำคัญว่า เมสซี่เจจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีขนาดไหน เพราะนี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลสำคัญของเขากับการเดินทางไปค้าแข้งในเจลีก

 

ส่วนหนึ่งเลยเขาคงจะต้องโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนภายนอกเรื่องราวทั้งหมด ตกเป็นกระแสของสังคมที่ไม่ว่าหันไปทางไหน ตอนนี้มีแต่คนมองว่าเขาเป็นฝ่ายที่ผิด ทั้งๆ ที่ตัวเขาคงไม่ได้อยากให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการแบกรับความหวังของคนทั้งประเทศเอาไว้ และการที่ต้องโชว์ฟอร์มเพื่อเป็นใบเบิกทางให้กับนักเตะรุ่นหลังๆ แต่จากเรื่องราวนอกสนามเหล่านี้ หากชนาธิปไม่สามารถจัดระเบียบความคิดของตัวเองให้ดีได้ ก็จะส่งผลกระทบในสนามเช่นกัน

บวกกับสถานการณ์ของการออกไปเล่นยังต่างประเทศ แม้จะบอกว่าทุกวันนี้เรื่องของเทคโนโลยี ทำให้การจะสนทนา หรือคุยปรึกษากันอาจจะทำไม่ยาก แต่การที่มีคนคอยอยู่เป็นที่ปรึกษาแบบใกล้ชิด ย่อมดีกว่าการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันอย่างแน่นอน

แต่อย่างไร หากมองถึงเรื่องของความแข็งแกร่งในเรื่องจิตใจของเมสซี่เจ แม้ว่านอกสนามที่เราเคยเห็น เขาอาจจะดูเป็นเด็กน้อยขี้เล่น หรืออายุยังเพิ่งก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ได้ไม่นาน แต่ชีวิตการค้าแข้งของเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

ทั้งการบาดเจ็บหนักแข้งขวาหักในศึกซีเกมส์ จนเขารู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในเหรียญทองของทีมมากนัก หรือการถูกกดดันจากสรีระของเขา ที่หลายคนมองว่าไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

แต่ชนาธิปก็นำเอาความผิดหวัง หรือว่าคำดูถูกเหล่านั้น มาพัฒนาตัวเอง จนตอนนี้สามารถเรียกได้ว่าเขาคือนักเตะเบอร์ 1 ของทีมชาติไทย ที่จะขาดไม่ได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่สำคัญอีกครั้งของชนาธิป ที่เขาจะต้องก้มหน้าก้มตาเล่นฟุตบอลในแบบฉบับของตัวเขาเอง ทำผลงานกับสโมสรให้ดี รวมไปถึงในนามทีมชาติ เพื่อที่ถึงเวลา เรื่องราวนอกสนามเหล่านี้คนก็จะลืมกันไปเองตามกาลเวลา

เชื่อว่าเรื่องราวของความรัก ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดหวัง หรือสมหวังกันตั้งแต่ความรักครั้งแรก แต่การละเอาสิ่งเหล่านี้ไว้นอกสนามแข่งขัน

นี่แหละจะเป็นส่วนที่พัฒนาเมสซี่เจ ให้กลายเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง