จาก ‘อาดิดาส’ สู่ ‘ไนกี้’ และแผ่นดินไหวใหญ่ที่เยอรมนี

หนึ่งในข่าวช็อกวงการกีฬาที่สุดในรอบเดือนมีนาคม คงต้องยกให้การประกาศเปลี่ยนสปอนเซอร์ชุดแข่งขันของ สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี (เดเอฟเบ) จากแบรนด์คู่บุญที่มีสายสัมพันธ์ยาวนานกว่า 70 ปีอย่าง อาดิดาส เป็นแบรนด์คู่แข่งในตลาดอุปกรณ์กีฬาอย่าง ไนกี้

โดยผู้ผลิตเจ้าใหญ่จากสหรัฐอเมริกาจะเข้าไปดูแลเรื่องชุดแข่งและอุปกรณ์แข่งขันและฝึกซ้อมของทีมชาติทั้งชายและหญิง รวมถึงระดับเยาวชน ระหว่างปี 2027-2034

งานนี้ภาษากีฬาเขาว่า อาดิดาสเหมือนแพ้ “คาบ้าน” เพราะเป็นแบรนด์กีฬาสัญชาติเยอรมันที่อยู่คู่วงการลูกหนังเมืองเบียร์มายาวนาน ผ่านความสำเร็จร่วมกันมานับไม่ถ้วน ทั้งตำแหน่งแชมป์โลก 4 สมัย และแชมป์ยุโรป 3 สมัยของทีมชาย รวมถึงแชมป์โลก 2 สมัย และแชมป์ยุโรป 8 สมัยของทีมหญิง

เท่านั้นไม่พอ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งเยอรมนีจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน-14 กรกฎาคมนี้ ทีมอินทรีเหล็กจะใช้สำนักงานใหญ่ของอาดิดาสใกล้เมืองเนิร์นแบร์กเป็นฐานที่มั่นตลอดทัวร์นาเมนต์อีกด้วย

 

ด้วยความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของตัวเอง จึงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างมากที่จู่ๆ เดเอฟเบก็ตัดสินใจหันไปเซ็นสัญญากับแบรนด์คู่แข่ง แถมยังเป็นแบรนด์นอกประเทศ เท่านั้นไม่พอ จากปฏิกิริยาของฝั่งอาดิดาสที่ออกแถลงสั้นๆ ทำนองว่าเพิ่งทราบข่าวพร้อมๆ กับสาธารณะ ยิ่งชวนให้เกิดการตั้งคำถามอีกด้วย

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นำมาซึ่งปฏิกิริยาเชิงลบมากมายจากคนในประเทศ นำโดย โรเบิร์ต ฮาเบ็ก รองนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ซึ่งวิจารณ์ว่า จินตนาการเสื้อทีมชาติเยอรมนีที่ไม่มีแถบคาด 3 เส้น (ของอาดิดาส) ไม่ออก เพราะสำหรับตนแล้ว ธงชาติสีดำ-แดง-ทองกับแบรนด์อาดิดาสถือว่าเป็นของคู่กัน เป็นอัตลักษณ์ของเยอรมนีที่เราควรต้องแสดงออกถึงความเป็นชาตินิยมมากกว่านี้

ขณะที่แฟนบอลเมืองเบียร์ก็โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียในทำนองเดียวกันว่า ไม่เข้าใจว่าสหพันธ์ฟุตบอลของประเทศคิดอะไรอยู่ เป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล บ้างก็ตั้งคำถามว่าถ้าจะย้ายแบรนด์ ทำไมไม่ย้ายไปเซ็นกับแบรนด์สัญชาติเยอรมนีด้วยกันอย่าง พูม่า แทน?

หลังจากโดนกดดันหนัก เดเอฟเบก็ต้องออกมาชี้แจงโดยอ้างว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คำนึงถึงผลประโยชน์ของวงการลูกหนังในประเทศเป็นสำคัญ

เพราะสหพันธ์ต้องรับผิดชอบดูแลสโมสรทั้งระดับอาชีพและสมัครเล่นกว่า 24,000 แห่ง นักฟุตบอลอีกกว่า 2.2 ล้านคน รวมถึงการสนับสนุนกีฬาฟุตบอลในระดับรากหญ้าและมวลชน

เดเอฟเบย้ำว่า นี่เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานเรื่อง “เศรษฐกิจ” เป็นสำคัญ และยอมรับตรงๆ ว่าไนกี้ให้ข้อเสนอด้านการเงินที่ดีที่สุด ผ่านกระบวนการที่โปร่งใสและไม่แบ่งแยก

สื่อรายงานว่า ไนกี้ยื่นข้อเสนอสัญญาสนับสนุนงบประมาณราว 100 ล้านยูโร (3,600 ล้านบาท) ต่อปี ขณะที่อาดิดาสเสนอไปที่ 60-65 ล้านยูโร (2,160-2,340 ล้านบาท) ต่อปี

นักวิเคราะห์มองว่า เหตุที่ข้อเสนอสุดท้ายของอาดิดาสค่อนข้างห่างจากตัวเลขของคู่แข่ง เป็นเพราะว่าแบรนด์เพิ่งประสบกับภาวะขาดทุนครั้งแรกในรอบ 30 ปี สืบเนื่องจากการยกเลิกสัญญากับ คานเย เวสต์ ศิลปินดังชาวอเมริกันอย่างกะทันหันเมื่อปี 2022 เนื่องจากเวสต์ตกเป็นประเด็นอื้อฉาวเรื่องส่วนตัว ทำให้แบรนด์สูญเสียรายได้จากไลน์ผลิตภัณฑ์ Yeezy ที่คานเยมีส่วนร่วมในการดีไซน์

ในปี 2023 อาดิดาสขาดทุน 75 ล้านยูโร (2,700 ล้านบาท) ต่างจากปีก่อนหน้านั้นที่มีผลกำไร 612 ล้านยูโร (22,032 ล้านบาท)

 

บิลด์ สื่อใหญ่ของเยอรมนี รายงานว่า ประมาณการว่าอาดิดาสจ่ายเงินสนับสนุนให้เดเอฟเบตกปีละ 50 ล้านยูโร (1,800 ล้านบาท) แม้จะเพิ่มข้อเสนอในสัญญาใหม่ ก็ยังสู้กับอีกฝั่งได้ยาก

อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้อาดิดาสก็ยังเป็นสปอนเซอร์ชุดแข่งของทีมใหญ่อย่าง อิตาลี และ สเปน เรียกว่าไม่ได้หายไปจากพื้นที่สื่อเสียทีเดียว ขณะที่ไนกี้เองก็เพิ่งมีประเด็นโดนวิจารณ์เรื่องการเปลี่ยนลวดลายธงเซนต์จอร์จบนหลังปกเสื้อของทีมชาติ อังกฤษ จนโดนนายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดีวิจารณ์มาแล้ว

บิลด์บอกว่าการเปลี่ยนแบรนด์ของเดเอฟเบครั้งนี้คือ “แผ่นดินไหว” ครั้งใหญ่ ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะส่งผลกระทบเบื้องหน้าและเบื้องหลังอย่างไรหลังจากนี้

รวมถึงการ “แก้เกม” ในเชิงธุรกิจของสองแบรนด์ดังระดับโลกอีกด้วย •

 

Technical Time-Out | SearchSri