พรีเมียร์ลีก 10 นัดสุดท้าย ทีมไหนจะเป็นแชมป์?

นับว่าเป็นสถานการณ์ลุ้นแชมป์ที่น่าตื่นเต้นและสูสีที่สุดในรอบหลายปีหลังสำหรับศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023-2024 เมื่อ 3 ทีมยักษ์ใหญ่ของลีกเมืองผู้ดีต่างก็มีลุ้นแชมป์ขณะเหลือเกมเตะอีก 10 นัด

เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ที่ทีมท็อป 3 ของตารางมีคะแนนห่างกันเพียงแต้มเดียวหลังผ่านเกมเตะไป 28 นัด และมีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะต้องไปลุ้นกันจนถึงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

ก่อนจะมาถึงจุดนี้ สื่อและแฟนบอลมองว่าน่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า 3 สมัยซ้อน กับ ลิเวอร์พูล เพียง 2 ทีมเหมือนกับหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้ง 2 ทีมต่างก็มีแรงจูงใจในซีซั่นนี้

โดยเรือใบสีฟ้าหวังจะสานต่อความสำเร็จจาก “ทริปเปิลแชมป์” เมื่อฤดูกาลก่อน รวมถึงการเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 4 ฤดูกาลติดต่อกัน

ขณะที่หงส์แดงนั้น เนื่องจากนี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของกุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ประกาศลาทีมล่วงหน้าไว้ ทั้งเจ้าตัว นักเตะ และแฟนๆ จึงมีเป้าหมายลึกๆ ในใจว่าจะคว้าแชมป์ให้ได้มากที่สุด

ยิ่งถ้าเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่กวาด 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียวได้ยิ่งดี หลังจากเริ่มนับ 1 กับถ้วย คาราบาวคัพ ไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ฟอร์มอันสุดยอดของ อาร์เซนอล ในปีนี้ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2024 ทีมปืนใหญ่เก็บชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีกได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ รวม 8 นัดติด เท่านั้นไม่พอ ยังยิงประตูคู่แข่งได้แบบท่วมท้น 33 ประตู และเสียเพียง 4 ประตูเท่านั้น

ผลจากฟอร์มร้อนแรงดังกล่าวทำให้ผลต่างประตูของอาร์เซนอลได้เปรียบอีก 2 ทีมในทันที ด้วยผลต่างประตู +46 ขณะที่ลิเวอร์พูล +39 และแมนฯ ซิตี้ +35 ส่วนประตูยิงได้ อาร์เซนอล 70 ลิเวอร์พูล 65 และแมนฯ ซิตี้ 63

เกมเตะนัดที่ 28 อาร์เซนอลเฉือนชัยเบรนท์ฟอร์ด 2-1 ขึ้นนำจ่าฝูงชั่วคราว ขณะที่ลิเวอร์พูลเสมอกับซิตี้ 1-1 ที่แอนฟิลด์ในวันถัดมา ทำให้สถานการณ์พลิกกลับ เพราะผลเสมอที่แอนฟิลด์ทำให้หงส์แดงพลาดทวงตำแหน่งจ่าฝูงคืน ส่วนซิตี้ก็ไม่สามารถแซงขึ้นนำได้

สถานการณ์ก่อนเกมบอลถ้วยและช่วงพักเบรกทีมชาติ อาร์เซนอลจึงนำจ่าฝูงมี 64 คะแนนเท่ากับลิเวอร์พูล แต่ผลต่างประตูดีกว่า ส่วนแมนฯ ซิตี้ตามหลังทั้ง 2 ทีมอยู่เพียงแต้มเดียว

พรีเมียร์ลีกจะกลับมาเตะกันอีกครั้งช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยลิเวอร์พูลจะเจอกับไบรท์ตัน ขณะที่แมนฯ ซิตี้กับอาร์เซนอลจะต้องเจอกันเองที่เอติฮัด สเตเดี้ยม

 

“เกรซโน้ต” ทีมผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัท นีลเซน อ้างอิงข้อมูลจากดัชนีสโมสรฟุตบอลยุโรป (ยูโร คลับ อินเด็กซ์) ว่า ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการชิงชัยระหว่างเรือใบกับหงส์เหมือนเดิม เพราะปืนใหญ่เจอโปรแกรมแข่งที่ยุ่งยากกว่าอีก 2 ทีม โดยต้องเจอกับทีมครึ่งบนของตารางอีก 6 นัด ในจำนวนนี้ 5 นัดเป็นเกมเยือน

ขณะที่ซิตี้กับลิเวอร์พูลถึงจะเจอทีมครึ่งบนของตาราง 6 ทีมเช่นกัน แต่ซิตี้ได้เล่นในบ้าน 4 นัด ส่วนหงส์เล่นในบ้าน 3 นัด

จากการคำนวณความน่าจะเป็น เรือใบมีโอกาสเสียแต้มน้อยที่สุดจาก 10 นัดที่เหลือเมื่อเทียบกับอีก 2 ทีม โดยเกมเยือนสเปอร์สเป็นเกมที่ทีมมีโอกาสลุ้นเก็บชัยน้อยที่สุด

ส่วนลิเวอร์พูลมีโอกาสเสียแต้มในการเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแอสตัน วิลล่า มากที่สุดจาก 10 นัด

ขณะที่อาร์เซนอลนอกจากจะมีโอกาสเสียแต้มเยอะสุดจากเกมที่เหลือแล้ว ในการไปเยือนแมนฯ ซิตี้วันที่ 31 มีนาคมนั้น ยังมีโอกาสชนะเพียง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เกรซโน้ตสรุปว่า ท้ายที่สุดแมนฯ ซิตี้จะเป็นแชมป์ด้วยความเป็นไปได้ 47 เปอร์เซ็นต์ มีคะแนนสุดท้ายบนตาราง 87 คะแนน ตามด้วยลิเวอร์พูล 86 คะแนน กับโอกาสแชมป์ 36 เปอร์เซ็นต์ และอาร์เซนอลรั้งท้าย มีโอกาสแชมป์เพียง 18 เปอร์เซ็นต์ กับคะแนนสุดท้าย 83 คะแนน

 

ด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ ออปต้า ซึ่งเก็บสถิติวงการกีฬาโลก ทำนายผลการแข่งขัน 10 นัดที่เหลือ โดยยึดสถิติผลงานในอดีต อัตราต่อรองจากบ่อนพนัน รวมถึงฟอร์มการเล่นในช่วงหลัง ได้ข้อสรุปว่า เรือใบมีโอกาสมากสุดเช่นกัน 46 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยหงส์แดง 35 เปอร์เซ็นต์ และปืนใหญ่ 19 เปอร์เซ็นต์

สำหรับโอกาสที่ 2 จาก 3 ทีมจะปิดฤดูกาลโดยมีแต้มเท่ากันนั้นคิดเป็น 9.4 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าทั้ง 3 ทีมเลย โอกาสมีแต้มเท่ากันเมื่อจบฤดูกาลแล้วต้องวัดด้วยผลต่างประตูมีเพียง 0.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่นักวิเคราะห์ให้อาร์เซนอลมีโอกาสลุ้นแชมป์น้อยที่สุดแม้จะเป็นจ่าฝูงตอนนี้ก็เพราะทีมปืนใหญ่มักมีประวัติสะดุดขาตัวเองในช่วงนี้ของฤดูกาลเป็นประจำ

เรียกว่าเป็นด่านทดสอบสำคัญที่สุดที่มิเกล อาร์เตต้า กับลูกทีมต้องฝ่าฟันไปให้ได้! •

 

 

Technical Time-Out | SearchSri