‘มาโน่ โพลกิ้ง’ Last Dance! ถึงเวลาหา ‘แพะรับบาป’ คนต่อไป

หลังจากออกสตาร์ตด้วยความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ “มังกรจีน” ทีมชาติจีน ตั้งแต่นัดแรกของศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ทำให้โอกาสของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย มันเป็นไปได้ยากมากๆ

แม้ว่าผลในเกมนัดที่สองกับ ทีมชาติสิงคโปร์ จะจบลงมาแบบที่ช้างศึกบุกไปเอาชนะได้ 3 ต่อ 1 (ซึ่งมันก็ควรจะต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว) สถานการณ์ของไทยก็ยังอยู่ในช่วงยากลำบากอยู่ดี

จริงอยู่ที่ว่ามันไม่ได้มืดมิดซะทีเดียว มันก็ยังเหลือช่องว่างอยู่บ้าง เช่น ไปแช่งให้จีนพลาดกับสิงคโปร์สักนัดหนึ่ง ได้แค่แต้มเดียว หรือทีมชาติไทยเก็บคะแนนจาก เกาหลีใต้ ได้สักคะแนน แล้วก็บุกไปเอาชนะจีนคืนได้บ้าง นั่นก็ทำให้ไทยพลิกสถานการณ์กลับมาเข้ารอบได้อยู่

เพียงแต่การจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นได้ มันก็ต้องลุ้นเยอะหน่อย

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลย คือไม่ว่าผลการแข่งขันในเกมกับสิงคโปร์จะจบลงมาแบบใด ทีมชาติไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอน

เพราะทุกคนได้เห็นแล้วว่า มาโน่ โพลกิ้ง ยังไม่ดีพอจะพาทีมไปในระดับเอเชียได้

 

จริงอยู่ที่กุนซือชาวบราซิเลียน-เยอรมัน เป็นคนที่มีความรู้จักฟุตบอลไทยเป็นอย่างดี ทำทีมสไตล์เกมรุก และเข้ากับนักฟุตบอลไทยได้ดีเนื่องจากเขามีความผูกพันกับประเทศไทย

แต่การทำทีมของเขาไปได้ไกลที่สุดแค่ระดับอาเซียนเท่านั้น

เดิมทีอนาคตของมาโน่น่าจะหมดลงไปตั้งแต่ช่วงจบคิงส์คัพเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อทาง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ได้เตรียมดึง มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่นจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงขั้นเอามานั่งเป็นประธานเทคนิครอก่อน

แต่ปรากฏว่านักเตะไทยดันรวมใจกัน #Saveมาโน่ ช่วยกันเล่นจนเข้าชิงชนะเลิศคิงส์คัพ แล้วแพ้อิรักในการดวลจุดโทษ ทำให้ผลงานแบบนี้ มาโน่จึงรักษาเก้าอี้ตัวเองเอาไว้ได้ กลายเป็นอิชิอิต้องกลับบ้านไปแทน

ทว่า ในเมื่อเกมที่สำคัญที่สุด คือการเล่นในบ้านกับทีมชาติจีน เขาสอบตก พาทีมพ่ายคาบ้าน ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามมากมาย ตั้งแต่การตัดตัว ที่ตัด สุพรรณ ทองสงค์ ตัวจริงของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ออก แต่เลือก มานูเอล ทอม เบียร์ห ตัวสำรองของสุพรรณในสโมสรเก็บไว้ใน 23 คนสุดท้าย

หรือในการเปลี่ยนตัวเมื่อ พรรษา เหมวิบูลย์ บาดเจ็บ ก็กลับเป็นทอม เบียร์ห ที่ได้เลือกลงก่อนทั้งๆ ที่ยังมีเอเลียส ดอเลาะ ที่ทำผลงานดีตอนไปทัวร์ยุโรป หรือ เฉลิมศักดิ์ อักขี ตัวจริงจากการท่าเรือ เอฟซี

ไหนจะมีเรื่องแนวรุกที่จัดตัวมั่วไปหมด เอา สุภโชค สารชาติ ปีกซ้ายของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ไปยืนปีกขวา, เอา ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เป็นหน้าขวาธรรมชาติ ไปเล่นกองหน้าตัวเป้า ขณะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่กำลังฟอร์มดีกับอุราวะ เรดส์ เป็นสำรองเท่านั้น

นั่นน่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับทุกๆ ฝ่าย ที่บอกว่าไม่ควรไปต่อกับมาโน่แล้ว จบเกมกับสิงคโปร์ก็ควรถึงเวลาเซย์กู๊ดบาย เพื่อหาคนใหม่มาทำทีมช่วงเอเชี่ยนคัพ ต่อเนื่องไปถึง 2 นัดที่จะเจอกับเกาหลีใต้

ปัญหาคือ เราจะเอาใครเข้ามาทดแทนมาโน่ดีกว่า…

 

แน่นอนว่าเปิดไปหน้าออนไลน์ตอนนี้ ชื่อที่ขึ้นมามีอยู่ 2 คน ก็คือ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่อยากให้เราไปง้อเขากลับมาไทยอีกครั้ง (แม้ว่าตอนจะไปทำกับเขาไว้เจ็บแสบพอสมควร) กับ ปาร์ก ฮัง ซอ อดีตกุนซือทีมชาติเวียดนาม

แต่ในมุมมองส่วนตัวเลย ไม่อยากซื้อหวยแทงที่กุนซือ 2 คนนี้เท่าไหร่

กับคนแรก อย่าง อิชิอิ สิ่งที่ทำให้เขาต้องจากประเทศไทยไป ก็เพราะโดนก่อหวอดจากนักเตะบางคน เพราะเอาจริงๆ ผลงานเขากับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ 2 ปีซ้อน เขาไม่ควรต้องไปจากทีมด้วยซ้ำ

ขณะที่พอจะมาทีมชาติไทย ก็นักเตะกลุ่มเดิมนั่นแหละ ที่ขัดขวางเขา ฉะนั้น ถ้าเขามา อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย แม้ว่าฝีมือจะเป็นที่ยอมรับก็ตาม

ส่วนปาร์ก ฮัง ซอ คนนี้ขอไม่ซื้อเด็ดขาดเลย จริงอยู่เขาทำเวียดนามได้ดี แต่เห็นได้ชัดว่าก็ไม่ได้ก้าวข้ามระดับอาเซียนไปได้เช่นกัน แถมเป็นโค้ชที่เน้นเรื่องของเกมรับ ไม่ถูกจริตกับนักเตะไทยอย่างรุนแรง

ขณะเดียวกันเมื่อเทียบผลงานเวลาเจอกับทีมชาติไทย ก็ชนะได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น นอกนั้นก็เป็นลูกไล่ให้ไทยตลอด

ไหนจะเรื่องของการทำงาน เทียบไทยกับเวียดนาม ตอนอยู่เวียดนามเขาชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ อยากได้เวลาเก็บตัว 2-3 เดือน เวียดนามก็หยุดลีกให้เตรียมเต็มที่

แต่ถ้ามาไทย เขาทำแบบนั้นไม่ได้แน่นอน แล้วถ้ามาคุมไทยไม่มีเวลาให้เขาทำงานขนาดนั้น จะสามารถงัดฟอร์มออกมาได้หรือเปล่า นั่นคือข้อสงสัย

 

ว่ากันตามตรงแล้ว ประเทศไทยลองใช้กุนซือมาหลายรูปแบบมากๆ แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีผลงานเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่

ตอน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทีมเกมรุกสนุก แต่พอไปเอเชียเกมรับเริ่มมีปัญหา เราก็ไปเอา มิโลวาน ราเยวัช กุนซือเกมรับจ๋าๆ มาทำทีม ปรากฏว่านักเตะไทยก็ไม่โอเค เพราะชอบเล่นเกมรุกมากกว่า สุดท้ายผลงานไม่ถึงฝั่งฝัน โดนปลดกลางอากาศในเอเชี่ยนคัพ 2019 เลย

จากนั้นพอลองโค้ชไทยอย่าง “โต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่เหมือนจะดี แต่ก็ไปพลาดในคิงส์คัพทำให้โดนปลดอย่างรวดเร็ว จนถึงการมาของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่นคนแรกของไทย

เอาจริงๆ ตอนนั้นก็ดี นิชิโนะ ทำทีมได้ถูกจริตแฟนบอลค่อนข้างมาก รูปเกมดูดี พร้อมรับทุกงานไม่มีเกี่ยงงอน แต่ปัญหาคือเหมือนโชคชะตาไม่อำนวย หลายครั้งเจอปัญหาความร่วมมือจากสโมสร หรือเจอกับโควิด-19 ทำให้การทำทีมขาดช่วง จนต้องโดนยกเลิกสัญญา

หรือความจริงแล้ว ปัญหาของไทยจริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่ตัวโค้ช แต่อาจจะอยู่ที่ตัวนักเตะของไทยและระบบการจัดการของประเทศไทยเอง

ถ้านักเตะไทยทำตัวเป็นมืออาชีพ ทำงานร่วมกับโค้ชทุกคนอย่างเต็มที่ รับฟัง-เรียนรู้-ปรับปรุงตัวเอง ใช้วิธีการแชร์ความคิดมากกว่าจะไปครอบงำความคิด

ในขณะที่ระบบการจัดการ ควรจะทำให้มันชัดเจน ไม่ใช่แค่ชุดใหญ่ แต่หมายถึงการเตรียมตัวตั้งแต่การวางรากฐานระดับเยาวชนขึ้นมา รวมถึงการทำตามกฎฟีฟ่าเดย์ ก็ต้องได้ชุดที่สมบูรณ์แบบทุกครั้ง

ทุกวันนี้การทำงานมันยังไปคนละทิศคนละทาง แล้วคนที่เข้ามารับหน้าที่เฮดโค้ชก็เหมือนเป็นแค่แพะรับบาปของระบบการจัดการห่วยๆ ของฟุตบอลไทยก็เท่านั้นเอง

ไม่ว่าเอาใครเข้ามา ยังไงมันก็ไม่ปัง! •

 

เขย่าสนาม | เด็กเก็บบอล

[email protected]