ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ตุลาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
นับเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อย่างยิ่งสำหรับ ซีโมน ไบล์ส นักยิมนาสติกสาวชาวอเมริกัน หลังจากห่างหายไปจากการแข่งขัน 2 ปีเต็มๆ
ย้อนไปเมื่อมหกรรมกีฬา โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกิดเรื่องช็อกวงการกีฬาโลก เมื่อไบล์สที่ใครๆ คาดเดาว่าจะกวาดเหรียญทองจากการแข่งขัน เกิดเล่นไม่ออกไปดื้อๆ
ไบล์สกระโดดได้ผิดฟอร์มในอุปกรณ์ม้ากระโดด ขณะแข่งขันรอบชิงชนะเลิศประเภททีมหญิง หลังจากหายไปจากสนามพักหนึ่ง เธอก็กลับมาแจ้งว่าจะถอนตัวจากการแข่งขันประเภททีม ก่อนถอนตัวจากรอบชิงบุคคลรวมอุปกรณ์ และแยกอุปกรณ์ 5 จาก 6 อีเวนต์ ก่อนจะกลับมาแข่งขันประเภทคานทรงตัวเป็นอุปกรณ์สุดท้าย และคว้าเหรียญทองแดงไปครอง
ไบล์สยอมรับว่า มีอาการเครียดและกดดันจากความคาดหวังอันหนักอึ้ง อีกทั้งยังเผยด้วยว่าตัวเองต้องต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตอย่างหนักมาระยะหนึ่งแล้ว
หลังจบ “โตเกียวเกมส์” ไบล์สประกาศพักเบรกจากกีฬายิมนาสติก เพื่อฟื้นฟูดูแลสภาพจิตใจ แต่ยังไม่อำลาวงการ โดยช่วงที่หายไปนั้น เธอยังคงวนๆ เวียนๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกีฬายิมนาสติกอย่างอ้อมๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้การและร่วมเรียกร้องความยุติธรรมหลังการเปิดโปงอดีตแพทย์ประจำทีมชาติที่ล่วงละเมิดนักกีฬาหญิงในทีมทั้งระดับทีมชาติและสโมสรจำนวนมาก
ไบล์สกลับสู่การแข่งขันครั้งแรกในศึก ยูเอส คลาสสิค ที่ชิคาโก เมื่อต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ก่อนร่วมแข่งขันรายการคัดตัวทีมชาติ
และล่าสุดยังเข้าร่วมศึก ยิมนาสติกชิงแชมป์โลก ที่เมืองอันต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม โดยกวาดไป 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน
กลายเป็นนักยิมนาสติกที่มีเหรียญรางวัลในศึกชิงแชมป์โลกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ รวม 23 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง
อย่างไรก็ตาม ไบล์สบอกว่า เรื่องเหรียญรางวัลไม่ได้สำคัญกับเธอแต่อย่างใด เพราะเป้าหมายสำคัญของการ “คัมแบ๊ก” ในครั้งนี้ เพื่อยืนยันกับตัวเองว่า ยังสามารถออกไปแข่งขัน และกระโดดหมุนตัวได้ เพื่อพิสูจน์ให้พวกคนที่ชิงชัง มีอคติ หรือตั้งแง่กับเธอได้เห็นว่า พวกเขาคิดผิด เธอไม่ใช่คนขี้แพ้หรือถอดใจ ตราบใดที่ยังออกไปกระโดดหมุนตัวได้ และสนุกกับการเล่นยิมนาสติกอีกครั้ง
เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว
คําที่ไบล์สย้ำแล้วย้ำอีกหลังการแข่งขันชิงแชมป์โลกคือ “twist” หรือการกระโดดหมุนตัวใส่เกลียว ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เธอใช้ตอนประสบปัญหาในโอลิมปิกเกมส์ว่า รู้สึก “twisties” เกิดอาการตื่นตระหนกเป็นกังวลจนสูญเสียความมั่นใจขณะลอยตัวกลางอากาศเพื่อเข้าท่าต่างๆ
ช่วงที่หายไปจากการแข่งขันนั้น ไบล์สได้เข้ารับการบำบัดเกี่ยวกับสุขภาพจิต โดยโฟกัสที่ปัจจุบันมากกว่าจะมองไปที่อนาคต ดังนั้น ตัวเธอเองในตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถกลับมาแข่งขันในปีนี้ได้หรือไม่
สิ่งหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้ระหว่างทางของการต่อสู้เรื่องสุขภาพจิต คือการกล้าที่จะกล่าวปฏิเสธในเวลาที่จำเป็น
สำหรับยิมนาสติกที่มักจะเป็นเวทีสำหรับนักกีฬาอายุน้อย การที่ไบล์สในวัย 24 ปี ซึ่งถือว่ากำลังอยู่ในช่วงพีกของตัวเองกับทัวร์นาเมนต์สำคัญที่สุดอย่างโอลิมปิกเกมส์ ตัดสินใจที่จะถอนตัวและถอยออกมา รวมถึงพักเบรกจากการแข่งขันไม่มีกำหนดทั้งที่ไม่มีอะไรการันตีว่าจะได้กลับมาเมื่อไร
เป็นการเลือกปฏิเสธเพื่อตัวเองในระยะยาวที่สำคัญอย่างยิ่ง
การตัดสินใจของไบล์สเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะลงเอยอย่างไร ไม่ว่าเธอจะกลับมาแข่งขันยิมนาสติกได้อีกหรือไม่ การที่เธอเลือกให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตใจของตัวเองมากกว่าเกียรติยศหรือชื่อเสียง หรือการฝืนเอาศักดิ์ศรีไปเสี่ยงกับสิ่งที่อาจเรียกกลับมาไม่ได้ จึงถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
วันนี้นอกจากไบล์สจะกลับมายิ้มได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง เธอยังสามารถกลับมาแข่งขันด้วยความรู้สึกสนุกกับกีฬาที่ตัวเองรักไม่ต่างจากสมัยก่อน
คำถามสำคัญสำหรับหลายๆ คนในเวลานี้คือ ไบล์สจะเข้าร่วมแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปีหน้า เพื่อแก้มือจากความผิดหวังเมื่อ 2 ปีที่แล้วหรือไม่?
แน่อนว่าการกลับไปยืนจุดนั้นอีกคร้งย่อมย้อนความทรงจำไม่สู้ดีเมื่อครั้งโตเกียวเกมส์กลับมา ซึ่งจะถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญที่ไบล์สต้องเผชิญ
อย่างไรก็ตาม ยอดยิมสาวเมืองมะกันยังลังเลที่จะตอบคำถามในประเด็นนี้ และไม่มีใครรู้ว่าเธอได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไว้แล้วหรือยัง
เพราะสิ่งสำคัญในตอนนี้น่าจะเป็นการดื่มด่ำความสุขของการกลับมาอย่างผู้ชนะทั้งในและนอกสนามของเธอ
อยู่กับ “ปัจจุบัน” ไปก่อน แล้วจึงคิดถึงอนาคตเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม •
Technical Time-Out | SearchSri
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022