คอลัมน์ Technical Time-Out

แม้จะเหลือเวลาอีกครึ่งปีกว่าศึก “ฟุตบอลโลก 2018” รอบสุดท้ายจะระเบิดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย แต่ที่เหล่าคอบอลน้อยใหญ่อดมีส่วนร่วมวงพูดถึงไม่ได้คือ “ใครจะเป็นแชมป์โลก?”

เนย์มาร์-บราซิล เมสซี่-อาร์เจนฯ โรนัลโด้-โปรตุเกส ทีมเวิร์ก-เยอรมนี ตราไก่-ฝรั่งเศส ยุคใหม่-สเปน อาซาร์-เบลเยียม และขวัญใจมหาชน-อังกฤษ หรือทีมดังเหล่านี้จะปล่อยให้ “ม้ามืด” ได้ชื่อว่าชูถ้วยบอลโลกครั้งแรก ส่วนอิตาลีไม่มาตามนัด ตกรอบคัดเลือกรอบ 60 ปี

กระแสทีมไหนจะได้แชมป์โลกยิ่งแรงมากขึ้น ทันทีที่ผลการจับสลากรอบแบ่งกลุ่มสิ้นสุดลงที่หอประชุมรัฐบาลรัสเซีย ภายในพระราชวังเครมลินอันลือเลื่อง

ปรากฏว่าไม่มีกลุ่มแห่งความตาย หรือเรียกทับศัพท์เท่ๆ ตามภาษาอังกฤษว่า” “กรุ๊ป ออฟ เดธ””

จะมีแค่ “สเปน” และ “อังกฤษ” ที่หลุดจากโถทีมวางเพราะอันดับโลกสู้ทีมเกรดบีอย่างโปแลนด์ไม่ได้ ขณะที่อีกหนึ่งโควต้าต้องหลีกทางให้ทีมปูติน-รัสเซีย ในฐานะเจ้าภาพอยู่แล้ว

หากไม่มีบอลร้อนบอลเย็น หรือบอลสั่นตามที่พวกคิดมากแซวเล่น ต้องบอกได้คำเดียวว่า” “เสือเตี้ย” ดีเอโก้ มาราโดน่า” พระเจ้าคนอาร์เจนตินาทั้งประเทศ ในยุคอยู่เป็นที่วิ่งเข้าหา “จานนี่ อินฟานติโน่” ประธานฟีฟ่าเจ้าของรายการนี้มาตลอด จัดว่าเป็น “มือทอง” หรือ “หัตถ์พระเจ้า” ของจริง เนื่องจากมาราโดน่าคือตัวแปรสำคัญในการเป็นคนจับทีมโถ 2 ซึ่งมีทั้งทีมกระทิงดุ และสิงโตคำราม

โดยทุกอย่างจะยอดเยี่ยมกระเทียมดองกว่านี้ ถ้าเสือเตี้ยจับเอาสเปนหรืออังกฤษไปอยู่กลุ่มแรกกับรัสเซีย และกลุ่มสุดท้ายกลุ่มเอชกับโปแลนด์ แต่การที่สเปนอยู่กลุ่มบีกับโปรตุเกส และอังกฤษกลุ่มเดียวกันกับเบลเยียมก็นับว่าโอเคแล้ว เพราะ 2 ทีมร่วมกลุ่มที่ตามมามีเพียงอิหร่าน, โมร็อกโก และตูนิเซีย, ปานามา

 

เมื่อดูผลการจับสลากทุกกลุ่มอีกที และกติกาว่าห้ามทีมจากทวีปเดียวกันอยู่กลุ่มเดียวกัน เว้นยุโรปแต่ต้องไม่เกิน 2 ทีม ได้ดังนี้นั้น

“กลุ่มเอ” รัสเซีย, อุรุกวัย, อียิปต์, ซาอุดีอาระเบีย / “กลุ่มบี” โปรตุเกส, สเปน, อิหร่าน, โมร็อกโก / “กลุ่มซี” ฝรั่งเศส, เปรู, เดนมาร์ก, ออสเตรเลีย / “กลุ่มดี” อาร์เจนตินา, โครเอเชีย, ไอซ์แลนด์, ไนจีเรีย / “กลุ่มอี” บราซิล, สวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา, เซอร์เบีย / “กลุ่มเอฟ” เยอรมนี, เม็กซิโก, สวีเดน, เกาหลีใต้ / “กลุ่มจี” เบลเยียม, อังกฤษ, ตูนิเซีย, ปานามา / “กลุ่มเอช” โปแลนด์, โคลอมเบีย, เซเนกัล, ญี่ปุ่น

ชัดเจนเหลือเกินว่า เป็นการ “แบ่งเค้ก” ที่ชาติยักษ์ใหญ่น่าจะพอใจที่สุด

และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ทีมมีชื่อเสียงเหล่านี้จะพาเหรดเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ต่อไป เพื่อเขย่าเรตติ้ง

และเพิ่มมูลค่าการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดครั้งหน้าให้ฟีฟ่านั่งนับเงินเล่นไปเรื่อยๆ

 

หากจะประเมินตั้งแต่ตอนนี้ว่าใครจะเป็นแชมป์โลก โดยวัดจากซูเปอร์สตาร์, ศักยภาพทีม, ตัวโค้ช, ฟอร์มรอบคัดเลือก, เกมอุ่นเครื่อง, ชื่อชั้นในอดีต, การวิเคราะห์ว่าใครเป็นทีมเต็งแชมป์จากร้านรับพนันถูกกฎหมายเมืองนอก และตัดประเด็นนักเตะบาดเจ็บที่ยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้ออกไปก่อน

แถมไม่มีอุปสรรคเรื่องสภาพอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเหมือนบรรดาทีมดังยุโรป ไปหมดแรงข้าวต้มด้วยอากาศที่ทั้งร้อนจัดและร้อนชื้นเหมือน 4 ปีก่อนที่บราซิลมากวนใจแล้ว

ภาพรวมการได้แชมป์กลุ่ม และรองแชมป์กลุ่ม 2 โควต้าในการเบิกทางสู่รอบน็อกเอาต์คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากนี้ กลุ่มเอ “1.อุรุกวัย 2.รัสเซีย” / กลุ่มบี “1.สเปน 2.โปรตุเกส” / กลุ่มซี “1.ฝรั่งเศส 2.เดนมาร์ก” / กลุ่มดี “1.อาร์เจนตินา 2.โครเอเชีย” / กลุ่มอี “1.บราซิล 2.สวิตเซอร์แลนด์” / กลุ่มเอฟ “1.เยอรมนี 2.สวีเดน” / กลุ่มจี “1.อังกฤษ 2.เบลเยียม” / กลุ่มเอช “1.โปแลนด์ 2.โคลอมเบีย”

ดังนั้น การแบ่งสายแบบก้างปลาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่มีการแยกให้ดูเพื่อความโปร่งใสตั้งแต่ก่อนการจับสลาก จะประกอบด้วยสายบน อุรุกวัย พบ โปรตุเกส / ฝรั่งเศส พบ โครเอเชีย / บราซิล พบ สวีเดน และ อังกฤษ พบ โคลอมเบีย สายล่าง สเปน พบ รัสเซีย / อาร์เจนตินา พบ เดนมาร์ก / เยอรมนี พบ สวิตเซอร์แลนด์ และ โปแลนด์ พบ เบลเยียม

 

ส่วนผลลัพธ์น่าจะลงเอยว่า สายบน “โปรตุเกส” ชนะอุรุกวัย / “ฝรั่งเศส” ชนะโครเอเชีย / “บราซิล” ชนะสวีเดน และ “อังกฤษ” ชนะโคลอมเบีย สายล่าง “สเปน” ชนะรัสเซีย / “อาร์เจนตินา” ชนะเดนมาร์ก / “เยอรมนี” ชนะสวิตเซอร์แลนด์ และ “เบลเยียม” ชนะโปแลนด์ ตามด้วยผลรอบ 8 ทีมสายบน “ฝรั่งเศส” ชนะโปรตุเกส และ “บราซิล” ชนะอังกฤษ สายล่าง “สเปน” ชนะอาร์เจนตินา และ “เยอรมนี” ชนะเบลเยียม

รอบรองชนะเลิศ “บราซิล” ชนะฝรั่งเศส และ “เยอรมนี” ชนะสเปน, เกมชิงที่ 3 ไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากฝรั่งเศสกับสเปนคงไม่มีอารมณ์เอาชนะกัน และรอบชิง “บราซิล” น่าจะล้างแค้นแชมป์เก่า “เยอรมนี” ที่เคยสร้างตราบาปให้คนบราซิลทั้งชีวิตในรอบตัดเชือกหนก่อน

อย่างไรก็ตาม นี่แค่เป็นการคาดการณ์ตามความน่าจะเป็นเท่านั้น แต่เรื่องจริงจะเป็นยังไง อีกไม่นานคงได้รู้กัน