ซาโยนาระ ‘ชนาคุง’ ถึงเวลา ‘เช็ค-บุ๊ค’ สานต่อ

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าฟุตบอล “รีโว่ ไทยลีก 2023/2024” จะมีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อได้ต้อนรับนักเตะเบอร์ 1 ของไทยกลับมาอีกครั้งอย่าง “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มาอยู่กับ “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพื่อท้าชนกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในการชิงแชมป์

นับเป็นการปิดฉาก 6 ปีของเขากับ เจลีก ญี่ปุ่น ลีกอันดับต้นๆ ของเอเชีย หลังย้ายไปเมื่อเลกสองของฤดูกาล 2017 และย้ายกลับมาไทยในช่วงจบเลกแรกของฤดูกาล 2023 รวมผลงานทั้งหมดลงเล่นในเจลีกไป 133 นัด ยิงไป 14 ประตู ทำอีก 23 แอสซิสต์

ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ชนาธิปประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับจากกองเชียร์ ว่าเขาไม่ได้ไปเพื่อเป็นการตลาด หรือใช้เส้นสายอะไร แต่ใช้ฝีเท้าทำให้เห็นว่านักเตะไทยก็สามารถเล่นในเจลีกได้เช่นกัน

โดยเฉพาะฤดูกาล 2018 ที่ท็อปฟอร์มที่สุดกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ยิงได้ 4 ประตู กับ 7 แอสซิสต์ พร้อมกับติดทีมยอดเยี่ยมของเจลีกในฤดูกาลนั้นอีกด้วย จนในอีก 2 ปีต่อมา แชมป์เจลีกอย่าง คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ต้องทุ่มเงินระดับสถิติดึงตัวไปร่วมทีม

เรียกได้ว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วในญี่ปุ่น และการกลับมายังประเทศไทย ไม่ใช่เพราะเขาล้มเหลวกับฟรอนตาเล่ แต่อยากให้มองว่ามันถึงเวลาอิ่มตัว และได้เวลากลับมาบ้านอันแสนอบอุ่นมากกว่า

ถึงแม้วันนี้ชนาธิปจะกลับมาไทยแล้ว แต่เชื่อว่าทุกคนจะไม่ลืมผลงานเขาที่เจลีกอย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม การกลับมาของชนาธิป มันก็มีจุดที่เขาจะต้องกลับมาพิสูจน์ตัวเองในไทยลีกอีกครั้งหนึ่ง ว่าเขาจะสามารถใช้ประสบการณ์ระดับเจลีกของเขาเอง มาช่วยให้บีจี ปทุม ประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการได้หรือไม่

ข้อดีอย่างหนึ่งคือเราจะได้ชนาธิปกลับมาในเวอร์ชั่นอัพเกรด แม้ว่าช่วงหลังอาจจะไม่ค่อยได้ลงสนามเท่าไหร่ แต่เรื่องของฝีเท้า ประสบการณ์ จังหวะจะโคนในการเล่น สามารถเชื่อขนมกินได้เลยว่า ยังไงเจกลับมาก็มีผลงานส่วนตัวที่ดีได้แน่นอน

อย่างเช่น “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่กลับมาในฐานะแชมป์เจลีก กับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ก็ได้เห็นอุ้มเวอร์ชั่นอัพเกรดขึ้น สามารถขยับขึ้นมายืนเป็นกองกลาง ก่อนจะพาบุรีรัมย์คว้าทริปเปิลแชมป์ได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่

หรือ “นิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จกับ โออิตะ ทรินิตะ แต่เมื่อเขากลับมา ก็ได้ประสบการณ์กลับมาเพียบ พร้อมกับเป็นกำลังสำคัญให้ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มีผลงานที่ยอดเยี่ยมจนได้ 2 รองแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นรองแค่บุรีรัมย์เท่านั้น

ขณะที่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ในวันที่แฟนบอลมักชอบเรียกกันว่า “มุ้ยหมดแล้ว” แต่เขาก็ยังทำให้เห็นว่าถ้าสภาพร่างกายฟิตๆ ธีรศิลป์ก็ยังคงเป็นดาวยิงเบอร์ 1 ของประเทศไทยเหมือนเคย เพียงแต่น่าเสียดายที่อายุมากขึ้น สภาพร่างกายเขาก็เสื่อมถอยลง ทำให้อาการบาดเจ็บก็ตามมาบ่อยครั้ง จนไม่สามารถช่วยบีจี ปทุม ได้อย่างเต็มที่

แต่ในปีนี้ ธีรศิลป์จะมีเพื่อนมาช่วยเยอะขึ้น ทั้งชนาธิปเอง, สารัช อยู่เย็น หรือ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล อาจจะลดภาระของเขา และทำให้กลับมามีฤดูกาลที่ดีอีกครั้งก็ได้

เมื่อดูจากผู้เล่นหลายๆ คนที่ไปเล่นเจลีกกลับมา จะเห็นได้ว่ามีระดับที่สูงขึ้นกว่านักเตะไทยเดิมๆ อย่างชัดเจน ดังนั้น เชื่อได้ว่าชนาธิปเองก็เป็นเวอร์ชั่นที่อัพเกรดแล้วไม่ต่างจากคนอื่นๆ และน่าจะทำให้บีจี ปทุม กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่ง

ในขณะที่ชนาธิปกลับมา แต่นักเตะไทยที่ยังเล่นอยู่ในเจลีกก็ยังไม่หมดลง เพราะยังคงมี “เช็ค” สุภโชค สารชาติ ที่ยังคงอยู่กับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร อยู่

เราได้เห็นในงานอำลาชนาธิปที่ซัปโปโร เป็นนัดแรกของสุภโชคที่ได้เป็นตัวจริงให้กับซัปโปโรในเจลีกด้วย และตอนท้ายของการอำลา ชนาธิปยังได้ฝากฝังรุ่นน้องตัวเองกับแฟนบอลเอาไว้ ซึ่งเชื่อว่าแฟนบอลซัปโปโรก็รอชมฟอร์มอย่างเต็มที่ของสุภโชคอยู่เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม งานของสุภโชคต้องบอกว่าไม่ง่าย เพราะตำแหน่งเดียวกับเขาในซัปโปโรนั้นมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น เรียวตะ อาโอกิ, โยชิอากิ โคมาอิ, ยูยะ อาซาโนะ หรือ สึโยชิ โอกาชิวะ มันจึงทำให้เขาต้องทำงานหนักอีกเยอะเลยว่าจะชิงตัวจริงมาได้เหมือนชนาธิป

แต่สุภโชคก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาเพราะตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียวที่เป็นนักเตะไทยในเจลีก เพราะเร็วๆ นี้ กำลังจะมีอีกหนึ่งนักเตะไทยที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนสุภโชค นั่นก็คือ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่เตรียมย้ายไปร่วมทีม อูราวะ เรดส์ ด้วยสัญญายืมตัวครึ่งฤดูกาลด้วยกัน

ซึ่งนับเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เรายังคงได้เห็นนักเตะไทยถูกส่งออกไปเล่นในเจลีกอย่างต่อเนื่อง เพราะว่านั่นเป็นรากฐานในการพัฒนาวงการลูกหนังไทยเป็นอย่างดี

คลื่นลูกหลังจะมาแทนคลื่นยุคเก่า เป็นเรื่องปกติของวงการฟุตบอลอยู่แล้ว เมื่อชนาธิปสามารถไปปูทางทำให้เจลีกสนใจผู้เล่นไทยมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ดังนั้น นี่ก็ถืงเวลาที่ทั้งเช็คและบุ๊ค จะต้องไปสานงานต่อ สร้างชื่อให้กับนักเตะไทย เพื่อเปิดทางให้มีนักเตะไทยไปเล่นในเจลีกมากขึ้นเรื่อยๆ พัฒนาวงการฟุตบอลไทยไปสู่ระดับเอเชียให้ได้

ในขณะที่คนไหนไปเล่นแล้วประสบความสำเร็จ ถ้าต่อยอดไปยังยุโรปไม่ได้ ก็กลับมาช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ให้ลีกมีความสนุกขึ้น ไปทัดเทียมกับระดับเอเชียมากยิ่งขึ้น

นี่แหละจะช่วยให้วงการฟุตบอลไทยพัฒนาอย่างยั่งยืน •

 

 

เขย่าสนาม | เด็กเก็บบอล

[email protected]