ปัญหาของ ‘ไก่เดือยทอง’

ยิ่งใกล้ปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกมากเท่าไร สถานการณ์ของบางทีมยิ่งดูจะปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนในกรณีนี้คงไม่พ้น ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ซึ่งยังคงดูไร้ทิศทางมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ช่วงปลายการคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ เกิดปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ภายใน ถึงขั้นที่ตัวกุนซือชาวอิตาเลียนออกมาจวกลูกทีมออกสื่อ

ต่อมาคอนเต้กับผู้บริหารทีมเห็นพ้องในการยกเลิกสัญญา สโมสรตั้ง คริสเตียน สเตลลินี่ ผู้ช่วยของคอนเต้ขึ้นมาทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพจนจบฤดูกาล ระหว่างนั้นก็เฟ้นหาโค้ชถาวรคนใหม่ไปเรื่อยๆ

เหตุที่ไว้ใจสเตลลินี่เพราะช่วงคอนเต้พักรักษาตัวจากการผ่าตัดถุงน้ำดี เขามีผลงานที่ดี ชนะ 3 จาก 4 นัดในเกมลีก แม้จะมาพ่ายเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ตกรอบเอฟเอคัพก็ตาม

อย่างไรก็ตาม สเตลลินี่คุมทีมเต็มตัวได้แค่ 4 นัด กับสถิติชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 ก็โดนปลด โดยฟางเส้นสุดท้ายคือการบุกพ่าย นิวคาสเซิล ยับเยิน 1-6 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสีย 5 ประตูตั้งแต่ 21 นาทีแรก เป็นความพ่ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดในพรีเมียร์ลีกของสเปอร์สนับตั้งแต่ปี 2013

บอร์ดบริหารนำโดย *ดาเนียล เลวี่* ประธานสโมสร ตัดสินใจตั้ง ไรอัน เมสัน อดีตกองกลางของทีมวัย 31 ปีมาทำหน้าที่แทนจนจบฤดูกาล

โดยเมสันเคยทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพมาแล้วเมื่อปี 2021 หลังโชเซ่ มูรินโญ่ โดนปลด และพาทีมชนะ 4 จาก 6 เกมสุดท้ายของลีกอย่างน่าประทับใจ

ดาเนียล เลวี่ ประธานสโมสรสเปอร์ส

แม้ว่าจะมีความพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แต่สถานการณ์ปั่นป่วนของสเปอร์สเวลานี้ดูจะฝังรากลึกกว่าแค่เพียงการเปลี่ยนโค้ชเท่านั้น

ถึงขั้นที่ เจอร์เมน เพนแนนต์ อดีตปีกอาร์เซนอลซึ่งทำหน้าที่นักวิจารณ์ปรารภว่า ขนาดมีโค้ชเก่งๆ อย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่, มูรินโญ่, คอนเต้ ก่อนหน้านี้ทีมยังไปไม่ถึงไหน ต่อให้ไก่เดือยทองได้ยอดโค้ชอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือ เยอร์เก้น คล็อปป์ มาคุมก็คงเหมือนเดิม ตราบใดที่ดาเนียล เลวี่ ยังอยู่

ขณะที่สำนักข่าว บีบีซี วิเคราะห์ว่า ปัญหาของสเปอร์สเกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดต่อเนื่องของผู้บริหารทีม

ย้อนไปตั้งแต่ตอนปลดโปเช็ตติโน่จากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2019 เพียง 6 เดือนหลังสเปอร์สเข้าชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ดาเนียล เลวี่ นักธุรกิจชาวอังกฤษ เป็นแฟนบอลตัวยงของสเปอร์สมายาวนาน และนั่งเก้าอี้ประธานสโมสรมาตั้งแต่ปี 2001

อย่างไรก็ตาม ถึงเขาจะมีประสบการณ์ทำหน้าที่บริหารทีมกีฬามาหลายแห่ง เรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับทีมฟุตบอลโดยเฉพาะในยุคสมัยใหม่นั้น ความรู้ความเข้าใจของเขาออกจะมีข้อจำกัดอยู่มาก

อาจเป็นเพราะทีมสเปอร์สสมัยก่อนอยู่ในสถานะของทีมกลางตาราง ไม่ได้คาดหวังหรือลุ้นเบียดแย่งแชมป์ลีกกับใคร และมุ่งเป้าไปที่ถ้วยแชมป์ในประเทศมากกว่า

กระทั่งโปเช็ตติโน่เริ่มสร้างไก่เดือยทองให้เป็นทีมที่สามารถต่อกรกับทีมใหญ่ของลีกได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ถูกรวมไปอยู่ในกลุ่ม “บิ๊ก 6” กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซนอล ทั้งบอร์ดบริหารและแฟนบอลจึงเริ่มฝันไปถึงจุดที่สูงกว่าเดิม

หลัง “พอช” โดนปลด เลวี่หันไปหาโค้ชระดับ A-List และได้มูรินโญ่กับคอนเต้มา ระหว่างนั้นคั่นด้วย นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต หลังทำวูล์ฟส์ผลงานดีในลีก แต่หลังจากเริ่มต้นได้หวือหวา

ลงท้ายสเปอร์สก็ยังคว้าน้ำเหลวเหมือนเดิม

ในแง่การลงทุนกับนักเตะ จะบอกว่าเลวี่และบอร์ดบริหารไม่ทุ่มทุนเลยก็ไม่ถูก เพราะในระยะเวลา 11 เดือน มีช่วงที่สโมสรลงทุนไปถึง 150 ล้านปอนด์ (6,300 ล้านบาท) แต่ปัญหาอาจอยู่ที่การใช้เงินไม่ค่อยคุ้มค่านัก เช่นซื้อ ริชาร์ลิซอน มา 60 ล้านปอนด์ (2,520 ล้านบาท) แต่ฟอร์มไม่ดีสม่ำเสมอ บางคนซื้อมาแป๊บๆ ก็ต้องปล่อยไป หลายคนที่ผลงานไม่ดีเท่ากับตอนอยู่กับสโมสรเดิม

สุดท้ายก็ต้องหันไปพึ่งตัวหลักอย่าง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง มิน ซึ่งรายแรกจ่อจะย้ายทีมเต็มทีหลังอยู่กับสโมสรมาตั้งแต่เป็นเยาวชนจนถึงชุดใหญ่ แต่ไม่เคยได้สัมผัสแชมป์เลย ส่วนรายหลังฤดูกาลนี้ก็ฟอร์มไม่ดีเหมือนเก่าจนตกเป็นตัวสำรองหลายนัด

ว่ากันว่าปัญหาการบริหารจัดการที่น่าผิดหวังของเลวี่ เป็นเพราะเขาไม่มี “กุนซือ” ดีๆ คอยให้คำแนะนำข้างตัว

และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด พอดึงตัว ฟาบิโอ ปาราติซี่ อดีต ผอ.สโมสรยูเวนตุส ไปทำหน้าที่ ผอ.ที่สเปอร์ส เขาก็มาโดนลงโทษเรื่องตกแต่งบัญชีสมัยอยู่กับยูเว่ และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีคำสั่งขยายโทษแบน 30 เดือน จากขอบเขตเฉพาะในอิตาลีเป็นทั่วโลก

ทำให้เขาต้องลาออกจากสเปอร์สไปโดยปริยายเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 

สําหรับสถานการณ์ปัจจุบัน เลวี่และบอร์ดบริหารของสเปอร์สกำลังพยายามอย่างหนักที่จะหาคนที่เหมาะสมที่สุดไปทำหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้า

โดยมีแนวโน้มว่าอาจจะหันไปหา “บิ๊กเนม” อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ยูเลียน นาเกลส์มันน์ อดีตกุนซือบาเยิร์น มิวนิก

หรือ หลุยส์ เอ็นริเก้ อดีตกุนซือบาร์เซโลน่าและทีมชาติสเปน

รวมถึง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อดีตกุนซือลิเวอร์พูลที่เพิ่งโดนเลสเตอร์ ซิตี้ ปลดได้ไม่นาน

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เลวี่ยังนั่งเก้าอี้ประธานสโมสรต่อไป ก็ไม่รู้ว่าเปลี่ยนโค้ชอีกกี่ราย สโมสรและแฟนๆ จะบรรลุเป้าหมายเสียที! •

 

 

Technical Time-Out | SearchSri