ราหูอมสมาคมลูกหนัง ฤๅหมดเวลาของ ‘สมยศ’ | เขย่าสนาม

ราหูอมสมาคมลูกหนัง ฤๅหมดเวลาของ ‘สมยศ’

 

ช่วงนี้มีความสงสัยว่าเป็นช่วงราหูอม สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หรือไม่แต่อย่างใด เพราะหันไปทางใดก็มีแต่เรื่องราวชวนปวดกบาลไม่หยุดไม่หย่อนเสียที

ปัญหาแรกต้องบอกว่าเป็นปัญหาที่ไม่ได้มาจากตัวผู้บริหารสมาคมชุดปัจจุบัน แต่เป็นปัญหาที่สืบต่อเนื่องมาจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของชุดก่อน เพราะดันไปออกคำสั่งให้ ศรีสะเกษ เอฟซี ได้สิทธิ์แข่งแทน อีสาน ยูไนเต็ด

แต่สุดท้ายแล้ว ศาลปกครองสูงสุดอุบลราชธานี กลับมีคำพิพากษาให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คืนสิทธิ์ทีมฟุตบอลศรีสะเกษ เอฟซี ให้ทีมอีสาน ยูไนเต็ด พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้อีสาน ยูไนเต็ด รวมดอกเบี้ยแล้ว 32 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะการเงินของสมาคมลูกหนังไทยในตอนนี้ ไม่สามารถชำระครบจำนวนได้ภายในครั้งเดียว จึงต้องมีการขอเจรจาผ่อนชำระกับทางอีสาน ยูไนเต็ด

แต่ถ้าหากทางอีสาน ยูไนเต็ดไม่ยอม ก็อาจจะส่งผลให้สมาคมฟุตบอลฯ โดนยึด-อายัดทรัพย์สิน หรือขับไล่รื้อถอนได้

ซึ่งจะทำให้รายได้ต่างๆ ของสมาคม เช่น ค่าสิทธิประโยชน์ ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอด เงินสนับสนุนสิ่งปลูกสร้างขั้นพื้นฐาน จากฟีฟ่า เอเอฟซี ฯลฯ จะถูกอายัด เพื่อนำไปใช้หนี้ ไม่สามารถใช้เงินในการดำเนินกิจกรรมฟุตบอลได้อีกต่อไป ดังนั้น จะทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสมาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เลขาฯ โจ” พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยถึงเรื่องนี้ว่าต้องรอเอกสารอย่างเป็นทางการจากศาลอีกครั้ง ว่าทางอีสาน ยูไนเต็ด จะนอมรับแผนการผ่อนชำระที่ทางสมาคมเสนอไปหรือไม่

“หลายคนมองว่าสมาคมทำไมไม่มีเงินจ่ายชดเชยให้กับทางอีสาน ยูไนเต็ด แต่ต้องทำความเข้าใจว่า ทางสมาคมมีรายได้ประจำเดือน และมีรายรับ ซึ่งเงินที่วางเอาไว้ไม่ได้เตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่เข้ามาแบบฉุกเฉินแบบนี้ การนำเงินไปจ่าย 32 ล้านบาททันที มันจะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของสมาคมทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดการแข่งขัน, การถ่ายทอดสด, การดูแลทีมชาติต่างๆ เป็นต้น ซึ่งถ้านำเงินตรงนี้ไป ก็จะก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้อีก”

งานนี้บอกเลยว่าเป็นอุจจาระอีกหนึ่งกองจากผู้บริหารชุดเก่า หลังจากก่อนหน้านี้สมาคมชุดนี้ก็เคยต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับกรมสรรพากรตั้งแต่ปี 2550-2555 จำนวน 131 ล้านบาทมาก่อนแล้ว

 

แต่เรื่องราวการใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อยังไม่ทันจะจบลง ปัญาใหม่ของสมาคมก็เข้ามารออย่างต่อเนื่อง นั่นคือระเบิดที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานโอลิมปิคไทย โพล่งขึ้นมากลางที่ประชุม กดดันสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่าจะต้องได้เหรียญทองในกีฬา ซีเกมส์ สถานเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะต้องมีคนรับผิดชอบ

อย่างที่เราทราบๆ กันดีว่าฟุตบอลไทยในซีเกมส์ 2 ครั้งหลังสุดถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก เมื่อปี 2019 ที่ ฟิลิปปินส์ ฟุตบอลชายตกรอบแรก ส่วนฟุตบอลหญิงแพ้เวียดนามนัดชิง ในขณะที่ล่าสุดที่ ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้รองแชมป์ทั้งฟุตบอลชายและหญิง

แถมผลงานในทุกระดับอายุมีแต่สาละวันเตี้ยลง เมื่อเทียบกับเวียดนาม ตอนนี้กลายเป็นว่าทีมชาติไทยไม่นับชุดใหญ่ ไม่มีชุดไหนเอาชนะเวียดนามได้เลย

ประกอบกับการที่เจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ปีหน้าอย่าง กัมพูชา จัดหนักจัดเต็มกีฬาพื้นบ้าน ทำให้เป็นซีเกมส์ที่มีเหรียญให้ชิงมากที่สุด 600 กว่าเหรียญ ส่งผลให้ไทยหมดโอกาสในการคว้าเจ้าเหรียญทองแน่นอน ดังนั้น สิ่งที่จะกู้หน้าได้คือการต้องคว้าเหรียญที่ศักดิ์ศรีสูงที่สุดให้ได้อย่างฟุตบอล จึงกลายเป็นความกดดันที่ถูกถาโถมลงไปยังสมาคมลูกหนังแทน

แน่นอนว่าเมื่อบิ๊กป้อมออกมากดดันแบบนี้ กระแสสังคมแบ่งออกเป็นสองทาง บางคนบอกว่ามากดดันอะไรกับกีฬาฟุตบอลที่มีเพียงเหรียญเดียว และการกดดันจากภาครัฐอาจจะทำให้เสี่ยงโดนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติแบนได้

แต่อีกฝั่งก็บอกว่าสมควรที่จะต้องกดดันบ้าง เพราะไม่งั้นก็ทำงานแบบปล่อยเกียร์ว่าง ไม่สนใจผลงานของทีมชาติไทยเลย แล้วการกดดันไม่ใช่ออกคำสั่ง ฟีฟ่าจะเอาอะไรมาแบน?

 

อย่างไรก็ตาม ทาง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ตอบรับประเด็นนี้ด้วยการบอกว่า น้อมรับคำสั่งของบิ๊กป้อมซึ่งถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และพร้อมปฏิบัติตามคำชี้นำ พร้อมกับมองว่าไม่ใช่การกดดัน การกระตุ้นให้กำลังใจ และถือว่าเป็นการให้พรมากกว่า

ซึ่งเอาจริงๆ แล้วการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็สมควรให้โดนกดดันจริงๆ เพราะตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมซีเกมส์ (รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี) มันว่างลงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่กลับไม่มีการแต่งตั้งคนใหม่ขึ้นมาทำงานเสียที ทั้งๆ ที่ตัวเองประกาศอยู่ปาวๆ ว่าปีหน้ามีการแข่งขันเยอะด้วย

ก่อนหน้านี้มีเพียงการออกมาเป็นแผนงานเท่านั้น ว่าจะใช้นักเตะอายุไม่เกิน 22 ปีเท่านั้นสำหรับซีเกมส์ รวมถึง เอเชี่ยนเกมส์ เพื่อให้ทีมชุดนี้ได้เตรียมทีมอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการคัดเลือกโควต้า โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่เด็กชุดนี้จะอายุครบ 23 ปีเต็มพอดิบพอดี

ก็เพราะทำงานชักช้า ปล่อยเกียร์ว่างมาเสียนาน คงถึงเวลาที่จะต้องโดนกระตุ้นหนักๆ สักที

นี่ไม่รู้ว่าหมด 2 ปัญหานี้ จะมีปัญหาอะไรตามมาอีกหรือไม่

แล้วบิ๊กอ๊อดจะพาสมาคมลูกหนังไปรอด หรือจะจอดป้ายหาคนใหม่มาทำกันดีล่ะนี่ •

 

เขย่าสนาม | เด็กเก็บบอล

[email protected]