แสงสว่างลูกหนังไทย โร้ด ทู เวิลด์ คัพ 2026 บทพิสูจน์กึ๋น ‘บิ๊กอ๊อด’ / เขย่าสนาม : เงาปีศาจ

เขย่าสนาม

เงาปีศาจ

 

แสงสว่างลูกหนังไทย

โร้ด ทู เวิลด์ คัพ 2026

บทพิสูจน์กึ๋น ‘บิ๊กอ๊อด’

 

“บอลไทยไปบอลโลก โธ่…รอชาติหน้าเถอะ”

เป็นวลีหยอกล้อพูดเล่นกันจนสนุกปากบรรดาแฟนบอล “สายบูลลี่” เพราะพวกเขารู้สึกสิ้นหวังกับลูกหนังไทยไปแล้ว

ปัจจุบันการไปฟุตบอลโลก 2022 ของชาติจากเอเชีย ได้โควต้า 4 ทีมครึ่ง (อีกครึ่งทีมไปเพลย์ออฟกับโซนต่างๆ) ซึ่งว่ากันตามตรงโควต้า 4 ทีมครึ่งของทวีปเอเชียนั้น ต้องว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมคือ ทีมฟุตบอล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย มืดมนแบบไม่มีความหวังใดๆ ในการไปฟาดแข้งฟุตบอลโลก

เพราะยังมีเจ้าของพื้นที่ประจำอย่างญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ จับจองโควต้ากันไว้หมดแล้ว

ล่าสุดโอกาสของทีมฟุตบอล “ช้างศึก” เริ่มเห็นแสงสว่างเมื่อล่าสุด สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ร่อนจดหมายยืนยัน ทวีปเอเชียจะได้โควต้าส่งชาติเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย ที่สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ทั้งหมด 8 ชาติ และโควต้าการเล่นเพลย์ออฟอินเตอร์คอนติเนนตัล อีก 1 ชาติ รวมทั้งหมด 8 ทีมกับอีก 1/3

โดยได้รับการรับรองโดยสภากรรมการบริหารเอเอฟซีไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565

 

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย จะแบ่งเป็นทั้งหมด 4 รอบดังนี้

รอบแรก : นำ 22 ชาติที่อยู่อันดับ 26-47 ของทวีป จับสลากแข่งขันแบบสองนัดเหย้า-เยือน ในวันที่ 12 และ 17 ตุลาคม 2566 หาทีมชนะ จำนวน 11 ทีมผ่านเข้ารอบคัดเลือกรอบสอง

รอบสอง : นำ 25 ชาติแรกของทวีป บวกกับ 11 ชาติจากรอบคัดเลือกรอบแรก รวมเป็น 36 ชาติ แล้วนำมาแบ่งออกเป็น 9 กลุ่ม และแข่งแบบพบกันหมด เหย้า-เยือน จำนวน 6 นัด และนำแชมป์กลุ่ม กับรองแชมป์กลุ่ม ผ่านเข้ารอบคัดเลือก รอบ 3 โดยโปรแกรมมีดังนี้ แมตช์เดย์ 1-2 : 16-21 พฤศจิกายน 2566 / แมตช์เดย์ 3-4 : 21-26 มีนาคม 2567 / แมตช์เดย์ 5-6 : 6-11 มิถุนายน 2567

รอบสาม : นำ 18 ชาติที่ผ่านเข้ารอบ 3 มาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม และแข่งขันแบบพบกันหมด เหย้า-เยือน

แมตช์เดย์ 1-2 : 5-10 กันยายน 2567 / แมตช์เดย์ 3-4 : 10-15 ตุลาคม 2567 / แมตช์เดย์ 5-6 : 14-19 พฤศจิกายน 2567 / แมตช์เดย์ 7-10 : ช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2568

แชมป์กับรองแชมป์กลุ่มจากรอบนี้ จำนวน 6 ทีม จะได้สิทธิ์ไปเล่นรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2026 ทันที…!!!

 

ขณะที่ทีมอันดับ 3-4 ของทั้ง 3 กลุ่มทั้งหมด 6 ทีม จะมาแข่งขันรอบเพลย์ออฟ โดยจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม และแข่งแบบพบกันหมดแบบนัดเดียวจบ ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2568

โดยทีมที่ได้แชมป์กลุ่มจะเป็นทีมลำดับที่ 7 และ 8 ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ส่วนทีมอันดับ 2 ของทั้ง 2 กลุ่ม จะมาเพลย์ออฟกัน แบบเหย้าเยือน ในวันที่ 5-10 กันยายน 2567 เพื่อหาทีมชนะไปแข่งขันกับตัวแทนจากทวีปอื่นต่อไป

ซึ่งทีมชาติไทยจะได้โควต้าเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่รอบที่ 2 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็น 1 ใน 24 ทีมที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย “เอเชี่ยน คัพ 2023”

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ.1930 อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) อย่าง จูลส์ ริเม่ต เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการจัดฟุตบอลโลก ที่อุรุกวัย กระทั่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จนเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน

จากรูปแบบการแข่งขันที่มีเพียง 13 ชาติในช่วงแรก ปัจจุบัน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย มีถึง 32 ทีมจากทั่วทุกทวีปลงชิงชัย และพัฒนามาจนถึงล่าสุด ที่ประเทศกาตาร์ 2022 เป็น 48 ทีม

ลำดับโควต้าของทวีปเอเชีย จาก 0.5 ทีมในยุคแรกเป็น 1 ทีม 2 ทีม 3.5 ทีม และมาจบที่ 4.5 ทีมตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เป็นต้นมา

จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า บอกว่า การจัดสรรโควต้า และรูปแบบการแข่งขันในฟุตบอลโลก 2026 โดยจะแบ่งโควต้าเป็นยุโรป 16 ทีม, อเมริกาใต้ 6 ทีม, คอนคาเคฟ 6 ทีม, เอเชีย 8 ทีม, แอฟริกา 9 ทีม, โอเชียเนีย 1 ทีม และอีก 2 ทีม จะตัดสินด้วยการนำ 6 ประเทศ มาเตะเพลย์ออฟ รูปแบบการแข่งขันจะมีการแบ่งเป็น 16 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม แล้วเอาแชมป์กลุ่มเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

นั่นทำให้ซึ่งแม้จะมีการเพิ่มทีมเป็น 48 ชาติ และมีจำนวนเกมเพิ่มเป็น 80 นัด แต่ช่วงเวลาการแข่งขันจะคงเดิมที่ 32 วัน

 

ย้อนมาที่โซนเอเชียของไทยเรา ว่ากันตามตรง การเพิ่มเป็น 8 ทีม กับอีก 1/3 ของรอบเพลย์ออฟ เป็นการเพิ่มโอกาสให้ทีมจากชาติเอเชียตะวันออก รวมถึงทีม “ช้างศึก” หรือ “ดาวทอง” เวียดนาม ในการไปฟุตบอลโลกเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

แต่หากมองในชาติเอเชีย ที่ปัจจุบันไทยอยู่อันดับที่ 21 ของเอเชีย เป็นรองอิหร่าน (เบอร์ 1 เอเชีย), ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อิรัก, โอมาน, อุซเบกิสถาน, จีน, บาห์เรน, จอร์แดน, ซีเรีย, ปาเลสไตน์, คีร์กีซสถาน, เวียดนาม, เลบานอน, อินเดีย และทาจิกิสถาน

คงพอเห็นภาพกันว่า แม้โซนเอเชียจะเพิ่มเป็น 8 ทีม แต่มันไม่ใช่งานง่ายๆ ของทีม “ช้างศึก” ในการไปลุ้นเป็น 1 ใน 8 ทีมที่จะได้โควต้าแบบอัตโนมัติเลย

แต่ในความมืดมน หากเราไม่รีบวางแผน เตรียมการ “โร้ด ทู เวิลด์ คัพ 2026” กันตั้งแต่วินาทีนี้ เราก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมคือ ไม่มีความหวัง

แต่หากผู้นำวงการลูกหนังไทยอย่าง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีกึ๋นพอในวงการลูกหนังเมืองไทย คิดใหม่ทำใหม่ เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ วางแผนงานชัดเจน ปักธงให้ความสำคัญกับทีมชาติเพื่อฟุตบอลโลก 2026 มากขึ้น ไม่ใช่ไม่มีโอกาสเอาซะเลย

แต่ต้องทำกันอย่างจริงจัง เลือกกลุ่มนักเตะที่จะใช้งานไว้สัก 40-50 คน เลือกกุนซือที่เหมาะสม… เลือกผู้จัดการทีมที่ใช่… เรียกนักเตะกลุ่มนี้มาซ้อมร่วมกันเดือนละ 1 ครั้ง โดยไม่กระทบโปรแกรมไทยลีก เพื่อความสัมพันธ์ในทีม เข้าใจแท็กติก ถึงเวลาก่อนแข่งเรียกมาซ้อมล่วงหน้า 7 วัน

ยิ่งเราขยับตัวเร็วเท่าไหร่ เรายิ่งได้เปรียบชาติอื่นๆ เพราะมาตรฐานเราเป็นรองชาติยักษ์ใหญ่ในทวีปเอเชีย

เราจึงต้องทำงานให้หนักขึ้น ขยันมากขึ้น แล้วผลลัพธ์จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี… •