สงครามในแกรนด์สแลมเทนนิส เลือกข้างไหนก็ลำบากใจพอกัน / Technical Timeout : จริงตนาการ

Technical Timeout

จริงตนาการ

[email protected]

 

สงครามในแกรนด์สแลมเทนนิส

เลือกข้างไหนก็ลำบากใจพอกัน

 

การที่เทนนิสแกรนด์สแลม “วิมเบิลดัน” แบนนักเทนนิสเบลารุสและรัสเซียไม่ให้ร่วมแข่งขันในปีนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน-10 กรกฎาคม เพราะเรื่องของสงครามในยูเครน ทำให้วิมเบิลดันและรัฐบาลอังกฤษถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องนี้ รวมทั้งเกิดการโต้เถียงผ่านสื่อของนักเทนนิสชื่อดังให้เห็นกันเป็นระยะ

ราฟาเอล นาดาล นักหวดสเปน มือ 4 ของโลก บอกว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องไม่ยุติธรรม เพราะทำให้เพื่อนนักเทนนิสชาวรัสเซียหลายคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามแม้แต่น้อย ต้องมาได้รับผลกระทบไปด้วย

หลังจากนาดาลแสดงความเห็นออกไป เซอร์กี้ สตาคอฟสกี้ อดีตนักหวดชาวยูเครน ที่เคยรั้งอันดับ 31 ของโลก เคยชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยอดนักเทนนิสชาวสวิสมาแล้ว ในวันที่ยังรุ่งๆ ออกมาถามนาดาลว่า มันยุติธรรมตรงไหน ที่นักเทนนิสยูเครนไม่สามารถกลับบ้านของตัวเองได้ เด็กๆ ยูเครนไม่สามารถเล่นเทนนิสได้อย่างที่ต้องการ

และมันยุติธรรมหรือที่คนยูเครนต้องตาย

 

ขณะที่นักเทนนิสชาวสกอตติชอย่าง แอนดี้ เมอร์เรย์ ก็ไม่พอใจกับการที่วิมเบิลดันตัดสินใจแบบนี้ ถึงแม้จะเข้าใจสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายดี และคงพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ไม่สนับสนุนการที่นักเทนนิสต้องถูกตัดออกจากการแข่งขันในลักษณะนี้

โนวัก โยโควิช นักหวดเซอร์เบีย มือ 1 ของโลก บอกว่า ยังขอยืนยันว่าไม่สนับสนุนการที่วิมเบิลดันเลือกจะแบนนักเทนนิส เพราะมันไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้อง ต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายให้ได้ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น

กว่าที่การแข่งขันจะมีขึ้น เหลือเวลาอีกไม่น้อย แต่ท่าทีของสมาคมเทนนิสอังกฤษก็ยังคงยืนกรานที่จะเดินหน้าตามสิ่งที่ได้ประกาศไปแล้ว ไม่ว่าสมาคมนักเทนนิสอาชีพชาย (เอทีพี) หรือสมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (ดับเบิลยูทีเอ) จะไม่เห็นด้วย และออกมาคัดค้านก็ตาม

 

สิ่งที่น่าคิดต่อไปคือ เมื่อนักเทนนิสถูกแบน พวกเขาไม่ได้เสียผลประโยชน์แค่เรื่องเงินรางวัลที่จะได้ แต่เป็นเรื่องของคะแนนสะสม เนื่องจากวิมเบิลดันเป็นรายการระดับสูงสุดของเทนนิสอาชีพ เมื่อไม่มีแต้มจากรายการนี้อันดับโลกก็อาจจะร่วงลงไปได้

เอทีพีและดับเบิลยูทีเอกำลังพิจารณาว่าอาจจะไม่เอาคะแนนจากวิมเบิลดันปีนี้ ไปรวมอยู่ในการจัดอันดับโลก ซึ่งก็เหมือนเป็นการแก้เผ็ดที่ตัดสินใจหักดิบแบบนั้น เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว คุณค่าของวิมเบิลดันจะลดลงหรือไม่ ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน

การที่นักเทนนิสรัสเซียและเบลารุสไม่ได้ร่วมแข่งขันในวิมเบิลดัน เป็นต้นแบบที่ทำให้หลายประเทศในยุโรปอาจจะใช้ในการแข่งขันรายการใหญ่ในประเทศตัวเองด้วย

ฝ่ายจัดการแข่งขัน “อิตาเลียน โอเพ่น” กำลังพิจารณาแบนนักเทนนิสรัสเซียและเบลารุส เช่นเดียวกับประเทศทางแถบยุโรปเหนือ ฟินแลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, เดนมาร์ก ที่อาจจะเอาด้วย

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แกรนด์สแลม “เฟรนช์ โอเพ่น” ที่ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม-5 มิถุนายน มีแนวโน้มที่จะให้นักเทนนิสจากทั้งสองชาติแข่งขันได้ ก็น่าจะทำให้บางประเทศเลิกล้มความคิดแบบที่วิมเบิลดันทำก็ได้ เพราะมีตัวอย่างจากการตัดสินใจทั้ง 2 รูปแบบให้เห็นแล้ว ไม่ว่าจะแบนหรือไม่แบน

ชีลส์ มอเรต์ต็อง ประธานสหพันธ์เทนนิสฝรั่งเศส กล่าวว่า จะไม่ขอวิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษจากการแบนนักกีฬาทั้งสองชาติ เนื่องจากแต่ละคนอยู่คนละสถานะ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีเพลงชาติ ธงชาติของรัสเซียและเบลารุสในการแข่งขันที่โรล็องด์ การ์โรส ตามระเบียบที่กำหนดไว้แน่นอน

หลังจบสองแกรนด์สแลมในยุโรปแล้ว น่าติดตามต่อว่า “ยูเอส โอเพ่น” แกรนด์สแลมสุดท้ายของปีที่สหรัฐอเมริกา จะเอายังไงกับนักเทนนิสรัสเซียและเบลารุส เพราะสหรัฐนับเป็นโต้โผใหญ่ในการต่อต้านรัสเซียอยู่แล้ว

หรือบรรดานักหวดที่รู้ตัวดีว่าเจ้าบ้านไม่ต้อนรับ อาจจะประกาศหันหลังให้ยูเอส โอเพ่น ไปก่อนเลยก็ได้ •