เปิดใจ ‘วินิจ เลิศรัตนชัย’ โปรเจ็กต์ ‘แดงเดือด’ ที่เมืองไทย / เขย่าสนาม : เงาปีศาจ

เขย่าสนาม

เงาปีศาจ

 

เปิดใจ ‘วินิจ เลิศรัตนชัย’

โปรเจ็กต์ ‘แดงเดือด’ ที่เมืองไทย

 

เป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการฟุตบอลไทย และลูกหนังทั่วโลก เมื่อ “เสี่ยวินิจ” วินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ประกาศ จัดศึกฟุตบอล “แดงเดือด” นัดประวัติศาสตร์ “THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 12 กรกฎาคม

ซึ่งนับเป็นการเจอกันครั้งที่ 3 นอกเกาะอังกฤษ และครั้งแรกในทวีปเอเชีย

ทันทีที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป บรรดาสาวก “ผีแดง” และ “หงส์แดง” ในเมืองไทยต่างตั้งตารอคอยแมตช์ประวัติศาสตร์ “แดงเดือด อิน แบงค็อก” ดังกล่าวอย่างใจจดใจจ่อ…

เบื้องต้นราคาค่าบัตรเข้าชมกำหนดไว้ในราคา 5,000 บาท / 7,000 บาท / 12,000 บาท / 15,000 บาท / 20,000 บาท / 22,000 บาท / 25,000 บาท โดยการจำหน่ายบัตรจะมีการแบ่งให้แฟนบอลของทั้งสองทีมเท่าๆ กัน รวมถึงแฟนบอลในต่างจังหวัด อีกทั้งจะมีการกระจายบัตรจำหน่ายไปให้แฟนในเอเชียด้วยเช่นกัน และจะซื้อได้ไม่เกิน 4 ใบต่อคน

เริ่มขายบัตรรอบทั่วไปวันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์

 

ราชมังคลากีฬาสถาน ปัจจุบันความจุของผู้ชมที่เป็นที่นั่งจะอยู่ที่ประมาณ 47,000 ที่นั่ง แต่แมตช์นี้ทางฝ่ายจัด หารือร่วมกับ “แมนฯ ยู” และ “ลิเวอร์พูล” ว่า ต้องการให้รูปแบบสนามออกมาเป็น “ฟุตบอล สเตเดี้ยม” คล้ายกับเตะที่โอลด์แทรฟฟอร์ด หรือแอนด์ฟิลด์ มากที่สุด จึงมีการวางแผนติดตั้งที่นั่งในลู่วิ่งเพื่อให้แฟนบอลใกล้ชิดบรรยากาศในสนามมากที่สุด

วินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด เจ้าของโปรเจ็กต์ยักษ์ดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า เราติดต่อดีลนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เริ่มนับหนึ่งการเจรจาตั้งแต่เดือนกันยายนปีก่อน จากนั้นพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่เราที่อยู่บนโต๊ะเจรจา มีอีกหลายประเทศ ทุกคนอยากได้หมด เพราะว่าเป็นประวัติการณ์ พอเราเจรจากับลิเวอร์พูลเสร็จ ขั้นตอนต่อไปก็คุยกับแมนฯ ยู ในเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกัน พอรุกคืบเข้าไปมีความเป็นไปได้มากๆ ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว นอกจากเรื่องงบประมาณ และขั้นตอนการทำงานต่างๆ มีเรื่องเดียวที่ผมคิดว่าชนะใจเขาคือ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเอเชียได้ และมีแฟนบอลทั้งสองทีมจำนวนมากไม่เป็นรองใครในโลกนี้ และสำคัญที่สุดเราจะเป็นฮับให้ทุกคนในเอเชียบินเข้ามาได้สะดวก และมีความพร้อมต้อนรับทีมใหญ่ทั้ง 2 ทีม ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจ เพราะเขามองว่าฐานแฟนบอลในเอเชียใหญ่มาก ดีใจที่ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเมืองไทยเราเป็นศูนย์กลางแบบนี้ได้

“เสี่ยวินิจ” เล่าต่อว่า งบประมาณในการจัด เรียกสั้นๆ ดีกว่าว่าเป็นโปรเจ็กต์ระดับพันล้าน แต่ตัวเลขแท้จริงทั้งหมดไม่สามารถเปิดเผยได้จริงๆ เพราะเป็นเรื่องทางธุรกิจ ต้องการจะทำให้คนเข้าถึงงานนี้ได้มากที่สุด และทุกฝ่ายไปได้ แต่เราลองนึกดูว่าการที่จะไปดูเกมแบบนี้ที่อังกฤษ การใช้จ่ายต่อคนอย่างน้อยต้องมีหลักแสนขึ้นไปที่จะไปดูฟุตบอลได้ แต่การมาเตะที่เมืองไทยกับราคาเริ่มต้นที่ 5 พันบาท ผมว่าเป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าราคานี้ทำได้ แต่จะพยายามทำให้ได้

บอกตามตรงต่อให้ขายบัตรได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ได้ทุนที่ลงไปในการเอา 2 ทีมนี้มา เรารู้อยู่แล้วว่า ค่าตัวของนักเตะทั้ง 2 ทีมมันใหญ่มาก มหาศาลมากเลยที่จะเกิดเรื่องนี้ และสำคัญคือ ความเอ็กซ์คลูซีฟที่มาเตะเฉพาะในเมืองไทยที่เดียว

 

สําหรับเรื่องนักเตะที่จะมาเล่นศึก “แดงเดือด” ในเมืองไทย “เสี่ยวินิจ” บอกว่า ไม่สามารถระบุไปในสัญญาจริงๆ ยกตัวอย่าง ถ้าเราระบุว่านักเตะคนนี้จะมา แต่เกิดวันนั้นงอแงไม่มา สัญญามีอยู่ว่าต้องมาก็จะมีเรื่องฟ้องร้องเกิดขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นสัญญาแบบไหนก็ตาม

แต่อีกอย่างที่เราเชื่อมั่นว่าเป็นทีมชุดใหญ่ เพราะแฟนบอลเป็นอย่างไร ผมก็ทำหน้าที่เป็นแฟนบอลเหมือนกัน ผมก็อยากดูคริสเตียโน่ โรนัลโด้, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผมก็อยากดูทีมชุดใหญ่ แต่ความเป็นสโมสรใหญ่ แมนฯ ยู กับลิเวอร์พูล เขามีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะยืนยันว่าเป็นทีมชุดใหญ่

สำหรับในราชมังคลากีฬาสถาน 59,000 ที่นั่งที่วางไว้ จะถูกขีดเส้นแบ่งเป็น 2 ซีก ใครจองตั๋วฝั่งหงส์ก็นั่งฝั่งนี้ ใครจองตั๋วฝั่งผีก็อยู่ฝั่งนี้ แฟนคลับทั้ง 2 ทีมเท่าๆ กัน เสียงเชียร์จะกระหึ่มมากกว่าอยู่ที่อังกฤษอีก

การจัดศึกครั้งนี้ถ้าบอกว่าไม่หวังกำไรก็คงจะเป็นเรื่องตลก เราก็หวัง แต่จะถึงไม่ถึงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมคิดว่าเป้าหมายเราจะไปให้ได้ ในตลอดชีวิตผมทำอีเวนต์มาทั้งหมด 20 ปี รวมเม็ดเงินทั้งหมดแล้ว ยังไม่เท่ากับวันเดียวที่ผมจะทำในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้

และเชื่อมั่นว่า ภาพรวมของการทำธุรกิจการจัดอีเวนต์จะกลับมาดีขึ้น เพราะว่าความมั่นใจจากการได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ฟุตบอลนัดประวัติศาสตร์นัดนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นกลับมา และธุรกิจอีเวนต์น่าจะกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด จบอีเวนต์นี้น่าจะมีผลพวงอื่นๆ ที่จะตามมาอีกชนิดประเมินไม่ได้ ตอนนี้ผมว่าต้องประเมินสูงกว่าที่ประเมินเอาไว้ 5-6 พันล้านไปอีกเท่าตัว

นี่คือการเปิดใจ เสี่ยวินิจ เลิศรัตนชัย ผู้สร้างให้บิ๊กดีล “ศึกแดงเดือด” ให้ประเทศไทยถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล

“แดงเดือด ไทยแลนด์” จะเป็นการใช้อีเวนต์ใหญ่ในการพลิกฟื้นประเทศไทยสร้างความเชื่อมั่นต่อสายตาชาวโลก รวมถึงยังช่วยสร้างความคึกคักด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของเมืองไทยกลับมาอีกครั้ง •