Technical Time-Out : ลิโอเนล เมสซี่ ถึงเวลาจำจาก ‘บาร์ซ่า’ สู่ปารีส แซงต์แชร์แมง ที่ท้าทาย

ไทม์เอาต์

SearchSri

 

 

ลิโอเนล เมสซี่

ถึงเวลาจำจาก ‘บาร์ซ่า’

สู่ปารีส แซงต์แชร์แมง ที่ท้าทาย

 

หนึ่งในประเด็นช็อกวงการลูกหนังที่สุดของตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบนี้คงไม่พ้นการย้ายทีมของ ลิโอเนล เมสซี่ แข้งเทพชาวอาร์เจนไตน์

หลังจากอยู่กับ บาร์เซโลน่า สโมสรดังแห่งคาตาลันในลาลีก้า สเปน มาตั้งแต่ยังเป็นแข้งเยาวชนเมื่อปี 2000 รวมระยะเวลา 21 ปี ในที่สุด เมสซี่ก็โบกมือลาสโมสรอย่างเป็นทางการ แล้วย้ายไปเซ็นสัญญากับ ปารีส แซงต์แชร์แมง ทีมทุนหนาแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส

อันที่จริง เมสซี่ประกาศตั้งแต่จบฤดูกาล 2019-2020 ว่า อยากหาสังกัดใหม่ แต่ติดตรงเงื่อนไขค่าฉีกสัญญามหาศาลที่ทำให้ไม่มีทีมไหนกล้าลงทุน

เมสซี่ตัดสินใจลงเล่นให้กับบาร์ซ่าตามสัญญาปีสุดท้ายอย่างมืออาชีพ และกลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ตั้งแต่หมดสัญญาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา

ช่วงที่เขากลับไปเล่นฟุตบอล โคปา อเมริกา ให้ทีมชาติ จนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ เป็นแชมป์ระดับเมเจอร์ในทีมชาติหนแรกของเจ้าตัว ก็มีกระแสข่าวว่า เมสซี่บรรลุข้อตกลงเรื่องสัญญาใหม่กับบาร์ซ่าได้แล้ว และเตรียมจะเซ็นสัญญาเมื่อเขาเดินทางกลับสเปน

แต่ทุกอย่างกลับล่มสลายในเวลาไม่นาน เมื่อบาร์ซ่าออกแถลงการณ์ยอมรับว่าไม่สามารถต่อสัญญากับเมสซี่ได้เพราะติดเงื่อนไขเรื่องการเงิน

 

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้บาร์ซ่าเป็นเช่นเดียวกับทีมลูกหนังทีมอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบด้านการเงินอย่างจัง

โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรแถลงว่า ปัจจุบัน บาร์ซ่ามีหนี้สินสูงถึง 1,350 ล้านยูโร (52,650 ล้านบาท)

เฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินเดือน ค่าเหนื่อย และค่าตอบแทนนักเตะและบุคลากรของสโมสรอย่างเดียว รวมกันแล้วคิดเป็น 103 เปอร์เซ็นต์ของรายรับ สูงกว่าคู่แข่งทีมอื่นๆ ราว 20-25 เปอร์เซ็นต์

มีข่าวว่า ถ้าพวกเขาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับเมสซี่ ขนาดที่ว่าตัวแข้งดังยอมลดค่าเหนื่อยลงครึ่งหนึ่ง ก็จะทำให้ยอดค่าเหนื่อยของสโมสรโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 110 เปอร์เซ็นต์ของรายรับ ซึ่งทางลาลีก้าไม่อนุญาต

ทุกวันนี้ นักเตะดังในทีมหลายคนต้องยอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงเพื่อพยุงสถานะการเงินของสโมสร และบาร์ซ่าต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัด เซ็นฟรีนักเตะที่หมดสัญญากับสังกัดเก่าเข้าทีม ไม่ว่าจะเป็น *เซร์คิโอ “กุน” อากูเอโร่, เมมฟิส เดปาย, เอริก การ์เซีย* ซึ่งประเด็นหลักก็เพื่อเปิดทางให้กลับไปเซ็นสัญญากับเมสซี่อีกครั้ง แต่สุดท้ายทำไม่ได้

ลาปอร์ต้าตำหนิอดีตประธานสโมสร โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ว่าบริหารงานผิดพลาดจนทำให้ทีมมาถึงจุดนี้

ขณะที่บาร์โตเมวก็ตอบโต้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะโดนบีบให้ต้องประกาศลาออกล่วงหน้าตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตัวเขากับทีมบริหารก็คงจัดการเคลียร์เรื่องหนี้สินจนเข้าที่เข้าทาง และต่อสัญญากับเมสซี่ได้ไปแล้ว

 

พอเป็นที่แน่นอนแล้วว่า เมสซี่ไม่สามารถต่อสัญญาได้ ถึงขั้นจากกันด้วยน้ำตา เพราะต่างฝ่ายต่างอาลัยอาวรณ์กัน ก็เหลืออยู่ไม่กี่ทีมในโลกที่พร้อมจะจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล รวมถึงเป็นทีมที่ “ใหญ่” และ “แกร่ง” พอจะแบกรับความคาดหวังของเมสซี่วัย 34 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้งได้

ทีมที่ตกเป็นข่าวกับเขามีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีอดีตโค้ชบาร์ซ่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมอยู่ กับ ปารีส แซงต์แชร์แมง ที่มีซุป’ตาร์มากมาย ในจำนวนนั้นคือ เนย์มาร์ แนวรุกเพื่อนสนิทของเมสซี่

สุดท้ายเขาเลือกไปเปแอสเช พร้อมประกาศว่า อยากจะคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้อีกครั้ง หลังจากเคยชูถ้วยนี้กับบาร์ซ่ามา 4 สมัย

การมาของเมสซี่ตอนนี้ทำให้ปารีสกลายเป็นทีมสุดอันตราย เพราะเสริมทัพอย่างน่ากลัวในฤดูกาลนี้ นอกจากจะมีเนย์มาร์และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ เป็นขุมกำลังหลักอยู่เดิมแล้ว ยังได้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารแชมป์ยุโรปชาวอิตาเลียน, เซร์คิโอ รามอส อดีตกองหลังกัปตันทีมรีล มาดริด, อัชราฟ ฮาคิมี่ แบ๊กตัวแกร่งจากอินเตอร์ มิลาน ไปร่วมทีมอีกด้วย

จะเหลือก็แค่ความคาดหวังและการจับตามองของสื่อกับแฟนๆ กับเส้นทางสายใหม่ของลิโอเนล เมสซี่ กับปารีส แซงต์แชร์แมง

…หลังจากเคยโดนตั้งคำถามมาตลอดว่า ถ้าไม่ได้อยู่กับบาร์ซ่า เขาก็คงไปไหนไม่รอด?