บทความพิเศษ

อาคันตุกะ “จันทร์ส่องหล้า” | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน
ที่มามติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 มีนาคม 2567
คอลัมน์ลึกแต่ไม่ลับ
ผู้เขียนจรัญ พงษ์จีน
เผยแพร่

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน

อาคันตุกะ “จันทร์ส่องหล้า”

 

“ไม่ปรากฏตัวย่อมไม่มีใครเห็น” ปลายสัปดาห์ เสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง ดอดเข้าบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ชัดเจน แน่ชัดดี

โดยใช้ยานพาหนะ เลกซัสสีเงิน ป้ายทะเบียน สร. 30 รถประจำตำแหน่งคันใหม่ เท่ากับจงใจเปิดหน้า ไม่ได้แอบ หรือพรางตัว หลบกองทัพผู้สื่อข่าว ทำการคารวะ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก หลังได้รับการพักโทษออกจากโรงพยาบาลมาตั้งแต่ไก่โห่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ก่อนเข้าถ้ำเสือเพื่อพบ “พ่อเสือ” ยังลดกระจกรถมาโอภาปราศรัยกับกองทัพผู้สื่อข่าว ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส

เมนูรับแขกรุ่นน้อง ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ข้าวซอยเนื้อ ตบด้วยของหวาน กาแฟ หลังถกลับกันเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมง ออกจาก “จันทร์ส่องหล้า” อาคันตุกะเล่าว่า ก่อนมาพบได้ “กันเหนียว” ด้วยการโทรศัพท์ไปสอบถามอธิบดีกรมคุมประพฤติว่าสามารถเยี่ยมได้ปกติหรือไม่ เพราะเป็นวันเสาร์ ส่วนรายละเอียดของการพูดคุย ไม่ได้พูดจาอะไรกันมาก เพราะยังมีอาการเจ็บที่แขน แค่เริ่มขยับได้บ้าง แต่เชื่อว่าจะดีขึ้น เพราะมีความสุขที่ได้กลับมาอยู่บ้าน หลังไม่ได้อยู่มานาน 17 ปี

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาหรือไม่ “นายกฯ นิด” ติ๊ดชึ่งว่า ไม่ได้พูดคุย ไม่มีโอกาสได้คุยตรงนี้เลย แต่ท่านมีความเป็นห่วงบ้านเมือง บอกว่าช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะ ปัญหาเศรษฐกิจมันเยอะ “ผมก็ตอบครับ ก็ยังทำงานต่อไป ไม่ได้หนักใจอะไร เพียงแต่ขอให้ท่านรักษาร่างกายให้ดี”

สองวันต่อมาที่ตีนบันไดทำเนียบ นักข่าวยังเซ้าซี้ถามเรื่องเดิม ว่านายทักษิณมีความสามารถ ในการบริหารประเทศจะมีโอกาสดึงมาช่วยบ้านเมืองอย่างไรบ้าง “นายเศรษฐา” บอกว่า นายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดคนหนึ่ง ตนเองก็ชื่นชอบ ถ้าท่านอยากให้คำปรึกษาก็น้อมรับ เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ คนอื่นๆ เช่น นายอานันท์ ปันยารชุน-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากตนเพิ่งรับตำแหน่ง 6 เดือน ต้องรับฟังข้อมูล คำเสนอแนะของผู้ใหญ่ แต่กาลเวลาเปลี่ยนไป บางอย่างอาจทำได้ในสมัยก่อน แต่บางอย่างต้องเปลี่ยนแปลง หน้าที่ของตนคือรับฟัง และไปวิเคราะห์ว่าสามารถทำได้หรือไม่

“ที่บอกว่ามีนายกฯ 2 คน 3 คนนั้นขอให้ดูที่การกระทำ วันนี้บอกว่าผมไม่ใช่นายกฯ คนเดียว ก็ไม่ได้เปลี่ยนวิธีการทำงาน ซึ่งยังทำทุกวันเหมือนเดิม ยังลงพื้นที่ทำงานทุกวันเหมือนเดิม”

ที่เหมือนกับแหย่รังแตน เมื่อถามว่า การพบกับนายทักษิณ มีการพูดคุยกันเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ “นายกฯ เศรษฐา” ย้อนแรงๆ ว่า “คำถามนี้ผมว่าไม่สมควรถามนะ เพราะนายทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคณะรัฐมนตรี ผมก็ยืนยันตลอดเวลา พวกคุณก็ถามทุกวัน ถามทุกหนที่มีการถาม ผมก็บอกไปแล้ว คำตอบคือคำตอบเดิม จะพูดทำไมว่าปรับคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีก็พยายามทำงานกันอยู่ แต่เมื่อพูดไปแล้วบางคนก็อาจนอยด์ บางคนก็ไม่สบายใจ ผมเชื่อว่าวันนี้เราต้องเดินหน้าทำงานกันดีกว่า พวกท่านก็ต้องปรับ”

อย่างไรก็ตาม หลังจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับการพักโทษ และกลับมาเก็บตัวที่บ้านจันทร์ส่องหล้า อาการป่วยดีวันดีคืน ฟิตแอนด์เฟิร์ม “ร่างทรง” ใกล้กลับมาเข้ารูปทักษิณคนเดิมในไม่นานช้า และเชื่อหัวเณรเรืองได้ว่า ก้าวต่อไป ถนนทุกสายจะบ่ายโฉมหน้าสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 จะอึกทึกคึกคักไม่แพ้ตลาดสดตลาดปลา

นอกจากวงศาคณาญาติแล้ว ยังมีคิวขอเข้าเยี่ยม คารวะ ยาวเป็นหางว่าวสนามหลวง ที่ชักตะพานแหงนถ่างตารอ คอตั้งบ่า มีทั้งตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดง-ส.ส.พรรคเพื่อไทย คนที่เคยสนับสนุน รักใคร่ชอบพอ รัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ “ละครย้อนยุค” ภาคนี้สนุก

ประเด็นว่าด้วยการยกระดับ ให้กลุ่มคนขาจร-ขาประจำเข้าเยี่ยม ทาง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนสนิทยอมรับว่า ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคก็อยากให้พ่อเจอคนในพรรคบ้าง เพราะทุกคนคิดถึง จึงอยากให้พ่อได้เจอ แต่จะเมื่อไหร่ ยังไม่ทราบ

“ส่วนสถานที่จะเจอที่พรรคหรือให้ลูกพรรคมาหาที่บ้านนั้น ไม่ได้คิด พ่อจะเป็นคนเลือก เอาที่พ่อสะดวก” ซึ่งคาดว่า คิว “ทักษิณ” พบ “แกนนำเพื่อไทย” คงจะคัมมิ่งซูน เพราะมีข่าวคลุกวงในระบุมาล่วงหน้าว่า สถานีถัดไป ช่วงวันที่ 10 มีนาคม หลังร่างกายกระฉับกระเฉง ทุกสรรพสิ่งเข้าที่ได้ดั่งใจ “นายทักษิณ” วางแพลนจะเดินสายไปทัวร์อีสาน เยือนสี่ซ้าห้าหัวเมือง พักค้างคืนในถิ่นของคนเสื้อแดง ส่วนจังหวัดไหน โปรดอดใจรอ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าในทุกสถานการณ์ที่จะก้าวเดินในลำดับต่อไป “อดีตนายกฯ ทักษิณ” ต้องมากด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย โลกไม่สวยอย่างที่คิดทุกเรื่อง

โดยเฉพาะที่รัดกุม และสุขุมมากที่สุด เพราะตัวเองแม้จะได้รับการพักโทษเข้าตามเกณฑ์ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เป็นฝีมือของรัฐบาลเก่า ออกมาเรียบร้อยแล้วก็จริง แต่ระหว่างพักโทษ ยังมีเงื่อนไขอยู่อีกหลายปม

1.ต้องอยู่ในบ้านพัก ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ 2.ห้ามออกจากท้องที่ที่อยู่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย 4.ต้องประกอบอาชีพสุจริต 5.ต้องปฏิบัติตามลัทธิศาสนา 6.ห้ามพกพาอาวุธ 7.ห้ามติดต่อกับนักโทษคนอื่น และ 8.ต้องรายงานตัวทุกเดือน

ไหนยังมีคดีมาตรา 112 ติดหนึบอยู่อีกหนึ่ง

อย่ารีบร้อนวู่วาม รถบัสยางแตกอีกที ไม่ได้แล้วนะครับ