‘จำพวก’ กระดี๊กระด๊าได้ | เมนูข้อมูล

เมนูข้อมูล | นายดาต้า

 

‘จำพวก’ กระดี๊กระด๊าได้

 

วงการการเมืองตื่นเต้นกันทุกหัวระแหง เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แสดงความชัดเจนว่าจะลงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในนาม “พรรครวมไทยสร้างชาติ”

ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องแปลก และดูเหมือนจะรู้กันมาก่อนหน้านั้นนานแล้วว่าที่สุดการตัดสินใจของ “บิ๊กตู่” จะออกมารูปนี้ ทว่า ความชัดเจนนี้กลับยังก่อคลื่นใหญ่ให้กระแสการเมือง เหมือนแม้จะรู้ทั้งรู้ แต่เป็นรู้ที่ทุกคนยังลังเล ไม่เชื่อเต็มร้อยว่าจะเกิดปรากฏการณ์นี้

คลื่นใหญ่ที่ว่าคือผู้คนใน “พรรครวมไทยสร้างชาติ” แสดงความดีอกดีใจกันอย่างออกหน้าออกหา เหมือน “กบ เขียด อึ่งอ่างที่ออกมาร้องระงมเมื่อฝนแรกเทลงมาให้นาแล้งได้ชุ่มฉ่ำ”

จนเกิดจากสรุปกันให้เซ็งแซ่ว่า การเลือกที่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหนทางเดียวที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีโอกาสแจ้งเกิด” ด้วยก่อนหน้านั้นไม่มีใครมองไม่เห็นเลยว่าการรวมตัวของ “นักการเมืองแถวสอง แถวสาม ที่ไม่มีแสงในตัวเองเหล่านี้ จะมีโอกาสได้รับเลือกตั้งเข้ามาได้อย่างไร”

เมื่อมี “พล.อ.ประยุทธ์” มายืนถือธงนำให้ “พลพรรครวมไทยสร้างชาติ” จึงกระโดดโลดเต้นเสียยิ่งกว่า “กระดี่ได้น้ำ” ซึ่งว่าไปประเด็นนี้ไม่น่าแปลกใจอะไร จาก “ลอยคว้างกลางทะเลมืดอย่างไม่มีความหวัง เมื่อเห็นทุ่นมาลอยให้เกาะ” ความหวังรอดจมน้ำตายที่เกิดขึ้นย่อมทำให้ยินดีปรีดา

ที่น่าแปลกใจคือพากันดีอกดีใจกันเต็มที่ว่า หลังการเลือกตั้ง “รวมไทยสร้างชาติ” ได้มาแค่เกิน 25 เสียง จะได้เป็นแกนนำรัฐบาล

เชื่อมั่นอย่างสูงยิ่งไม่ต่างกับ “หมอดู” ที่ชี้ให้เชื่อว่า “บ้านนี้เมืองนี้ นายกรัฐมนตรีต้อง พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น”

ซึ่งหากเป็นปกติของประชาธิปไตยที่การตัดสินอยู่ที่ “ประชาชน” พรรคที่ต้องเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจะต้องเป็น “พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง” ซึ่งย่อมไม่ใช่พรรคที่หวังให้ได้ ส.ส.แค่ไม่เกิน 25 คนแนน

ยังมีพรรคมากกว่าซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่าจะได้ ส.ส.มากกว่านั้น หรือแม้กระทั่ง “ผู้ประชาชนจะเลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรี” ก็มีผู้ที่คะแนนนิยมเหนือกว่า “พล.อ.ประยุทธ์”

 

ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” เรื่อง “คะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2565”

“บุคคลที่ประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้” อันดับแรก ร้อยละ 34.00 เป็น “น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร” แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะมาอันดับสอง แต่ความนิยมถูกทิ้งห่าง เพราะได้แค่ร้อยละ 14.05 แถมยังมี “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ตามมาติดๆ ที่ร้อยละ 13.25 โดยร้อยละ 8.25 ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้, ร้อยละ 6.45 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”, ร้อยละ 6.00 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส, ร้อยละ 5.00 นายอนุทิน ชาญวีรกูล, ร้อยละ 2.65 นายกรณ์ จาติกวณิช, ร้อยละ 2.60 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว, ร้อยละ 2.30 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ร้อยละ 1.10 ดร.สมคิด จาจุศรีพิทักษ์ และร้อยละ 4.35 เป็นคนอื่นรวมกัน

เมื่อถามถึง “พรรคที่ประชาชนสนับสนุนในวันนี้” ร้อยละ 42.95 เพื่อไทย, ร้อยละ 16.60 ก้าวไกล, ร้อยละ 8.30 ไม่สนับสนุนพรรคใดเลย, ร้อยละ 6.95 รวมไทยสร้างชาติ, ร้อยละ 5.35 ประชาธิปัตย์, ร้อยละ 5.25 ภูมิใจไทย, ร้อยละ 4.00 พลังประชารัฐ, ร้อยละ 3.40 เสรีรวมไทย, ร้อยละ 3.25 ไทยสร้างไทย, ร้อยละ 1.35 ชาติพัฒนากล้า, ที่เหลือรวมกันได้ร้อยละ 2.60 เป็นพรรคอื่นๆ

จะเห็นได้ว่าหากตัดสินกันด้วยองค์ประกอบของประชาธิปไตยแบบสากลแล้ว โอกาสของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่จะกลับมา “สืบทอดอำนาจ” แทบไม่เหลืออยู่เลย

ประชาชนไม่อนุญาตให้ “สืบทอดอำนาจ”

ทว่า ในความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่ง กลับกระดี๊กระด๊าอย่างออกนอกหน้า ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ตัดสินจะ “สืบทอดอำนาจ” ต่อไป ทั้งที่ “สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล” พร้อมใจกันให้ฉายาว่า “นายกรัฐมนตรี แปดเปื้อน” อันหมายถึงผู้ที่ “เปื้อนด้วยข้อครหาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเกิน 8 ปี”

กระทั่งมีความน่าสนใจว่าเป็นอาการกระดี๊กระด๊าที่ไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชน ซึ่งเป็น “เจ้าของอำนาจ” เลยว่ารู้สึกอย่างไรกับ “โอกาสที่อาศัยกติกาและกลไกที่ได้เปรียบ” จากการเป็นผู้เขียนและแต่งตั้งขึ้นมาอย่างหักเจตนารมณ์ของ “ประชาธิปไตย” ที่อยู่ในหลักการ “การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน”

กระแส “พล.อ.ประยุทธ์” ชัดเจนกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” จึงมีความน่าสนใจยิ่งกว่าผู้ที่กระดี๊กระด๊ากับ “โอกาสในเงื่อนไขที่สร้างขึ้นเอง” เพื่อ “เอาเปรียบคนอื่น” เช่นนี้แล้วยังภาคภูมิใจได้ เป็นคนจำพวกไหน