ยิ่งทะเลาะยิ่งหลากหลาย เคล็ดลับจาก “พงษ์พัฒน์” ถึง “อู๋ ธนากร”

อู๋-ธนากร โปษยานนท์ บอกว่า จริงๆ เขาสนใจงานกำกับการแสดงมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเรียนจบใหม่ๆ ก็คิดจะไปเรียนต่อด้านฟิล์มอย่างจริงๆ แต่ ยุวดี ไทยหิรัญ ผู้จัดละครที่คุ้นเคยกันมานานบอกว่า ณ จุดของการเป็นนักแสดงที่เขายืนอยู่ คือ “โรงเรียนที่ดีที่สุดแล้ว อยู่ที่จะตักตวงหรือเปล่า”

ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อยๆ ตักตวงจากโรงเรียนนักแสดง ตักตวงระหว่างการทำงานมาเรื่อย โดยเฉพาะเมื่อตอนมาช่วยงาน อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง กำกับฯ ละครเรื่อง “ดงผู้ดี” เมื่อราวๆ 7-8 ปีก่อน

ก่อนที่พงษ์พัฒน์จะเอาบทละครโทรทัศน์เรื่อง “เสน่ห์นางงิ้ว” ที่จะทำเสนอสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 มาทาบทามให้ลองกำกับฯ

ที่ทาบทามอู๋ ซึ่งใครๆ ก็รู้จักแต่ในฐานะนักแสดงนั้น พงษ์พัฒน์บอกว่า เอาเข้าจริงแล้วคือเขาเล็งมานาน

“จริงๆ อู๋ทำงานกับเรานานแล้วนะ หลายปีมาก”

“เล่นไม่ต้องพูดถึง เล่นมาบ่อย”

ขณะเดียวกัน “ในเรื่องของภาพนิ่ง ฟิตติ้งทั้งหมด ไตเติลละครของเรา อู๋ก็เคยทำมา”

“ถ่ายละครด้วยกันก็นั่งอยู่ข้างๆ พอบอกเรื่องเฟรม อย่างนั้น อย่างนี้สักหน่อยหนึ่ง ปุ๊บ ก็ลุกไปเลย ช่วยทำงาน มันก็ซึมซับมาเรื่อยๆ”

ดังนั้น ในความเห็นของเขา “ในมุมมองของเรา คนคนนี้ทำงานได้”

ขณะเดียวกัน เมื่อบวกกับความเชื่อส่วนตัวที่ว่า “มนุษย์ต้องมีโอกาส เมื่อเราเปิดโอกาสให้เขาได้ ก็เปิดให้เขาทำ แล้ววันหนึ่งจะมีบุคลากรที่ดีมากๆ คนหนึ่งมาประดับ”

กับละคร “เสน่ห์นางงิ้ว” ที่ช่อง 3 เคยสร้างไว้เมื่อปี 2542 ก่อนช่อง 7 จะหยิบมาทำอีกครั้งในปี 2551 พอมาถึงมือผู้กำกับฯ คนใหม่ อู๋ก็ว่ามีการปรับเวอร์ชั่นนี้ให้แตกต่าง โดยมีการขยายในส่วนดราม่าให้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนชีวิตของนางเอก

“อันเก่านางเอกเล่นงิ้วได้ง่ายๆ เราก็มองว่าทำให้มันยากขึ้นหน่อยไหม สาเหตุอะไรที่ทำให้นางเอกทำไม่ได้ จนสุดท้ายได้เพราะอะไร”

ขณะเดียวกันก็ยังมีสิ่งอื่นเพิ่มเติม-คนทำบอก

คือมีเสริมแฟลชแบ็กให้เห็นว่าจริงๆ แล้วพระเอก (อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ) กับนางเอก (ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์) นั้น เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเวอร์ชั่นเก่าไม่มี

ส่วนที่เลือกให้ณิชามารับบทเด่นในละครที่มาจากบทประพันธ์ของ ภราดร ศักดา ในครั้งนี้ อู๋ก็ว่าเป็นความเห็นต้องตรงกัน ของทั้งเขา พงษ์พัฒน์ และผู้จัด ธัญญา โสภณ ที่ต่างมองเห็นศักยภาพของเธอ

“เรื่องนี้จะเห็นณิชาคนใหม่ การแสดงจะต่างจากที่น้องเคยทำมา”

ซึ่งบอกเลยว่ากว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก

เพราะลำพังแค่หัดร้องงิ้วก็ไม่ใช่เล่นๆ

“เด็กเดี๋ยวนี้ร้องเพลงกันเป็นอยู่แล้ว แต่ไปเจอคีย์งิ้ว ทุกคนถึงกับ…” อู๋เล่าพลางหัวเราะ

กับการกำกับฯ เรื่องนี้ อู๋บอกว่าหลายอย่างออกมาแล้วได้อย่างใจเขามาก ฉากดราม่าที่ตั้งใจก็ “กำกับฯ ไปน้ำตาไหลไปเลยล่ะ”

ส่วนเมื่อถาม “มือใหม่” ว่าเครียดไหม เขาก็ตอบกลับทันที

“เครียดครับ แต่ไม่เครียด”

“คือเราก็ต้องจริงจัง ซึ่งมันคือความเครียดที่จะต้องทำงานนี้ แต่ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ ไม่ใช่แบบฉากนี้ไม่ได้ดั่งใจ ถีบมอนิเตอร์ ไม่ถึงขนาดนั้น”

อีกทั้งก็จะไม่เอาความคิดเห็นตัวเองเป็นหลัก ถือตัวเป็นผู้กำกับฯ แล้วให้ทุกคนหมุนรอบตัวเขา แต่จะขอนั่งถกถึงเหตุและผลกับทีม

“เรามานั่งคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่า อย่างสมมุติคุยกับทีมงาน ทำไมถึงไม่ชอบฉากนี้ ฉากนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ มาหาจุดตรงกลางกัน ไม่เอาเราเป็นที่ตั้งแล้วแบบ เฮ้ย! ทุกคนต้องคิดตามเรานะ ไม่ อันนี้คือสิ่งที่อ๊อฟสอนว่า ยิ่งคุณทะเลาะกันมากเท่าไหร่ คุณยิ่งได้มุมมองที่หลากหลายมากขึ้น แล้วคุณค่อยเลือกมาใช้”

ใช้ใน “เสน่ห์นางงิ้ว” งานที่ อู๋ ธนากร จะใช้เป็นตัวพิสูจน์ฝีมือการกำกับการแสดงของเขา