ถุงมือยางมือสอง ความระยำระดับโลก/เทศมองไทย

เทศมองไทย

 

ถุงมือยางมือสอง

ความระยำระดับโลก

 

ประเทศไทยกับโลกไม่ได้ห่างไกลกันมาอย่างที่คิดในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลลื่น ปรูดปราด นับร้อยล้านพันล้านชิ้นต่อวินาที

ความระยำตำบอนที่เคยคิด เคยคาดกันไว้ว่าจะปิดไว้ได้มิดชิดด้วยความไร้ประสิทธิภาพ ความอ่อนแอของระบบ และความโลภโมโทสันของผู้คนในสถานที่หนึ่ง จึงไม่มีวันที่จะถูกปิดกั้นตลอดไป

รอคอยกันแต่ว่า เมื่อใดจะถูกเปิดโปงแล้วรอรับผลกระทบว่าจะมากน้อยขนาดไหนเท่านั้นเอง

ผมกำลังพูดถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดโปงถึงกระบวนการส่งถุงมือยางสำหรับใช้งานทางการแพทย์อย่างที่เรียกว่า ถุงมือยางไนไตรล์ ที่ใช้แล้วขายให้กับบริษัทในสหรัฐอเมริกา มากมายมหาศาลกว่า 200 ล้านชิ้น มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

ที่ลงเอยด้วยการเป็น “ถุงมือยางใช้แล้ว” อยู่ในสภาพทุเรศทุรัง ทั้งสกปรก ทั้งขาดเป็นรู ทั้งเสื่อมสภาพ กระดำกระด่าง บางชิ้นยังคงมีคราบสกปรก คราบเลือดหลงเหลือให้เห็นชัดเจนด้วยอีกต่างหาก

รายงานข่าวสืบสวนสอบสวนของซีเอ็นเอ็นระบุชัดเจนว่า พฤติกรรมระยำของคนบางกลุ่มบางเหล่าที่เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า โดยคำนึงถึงเพียงแค่เม็ดเงินในบัญชี หรือในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง ทำให้อุตสาหกรรมถุงมือยางทางการแพทย์ กลายเป็นอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยกลโกงและฉ้อฉล

ดักลาส สไตน์ ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมนี้ บอกว่า มันทำให้อุตสาหกรรมถุงมือไนไตรล์ กลายเป็น “สินค้าโภคภัณฑ์ที่อันตรายที่สุดในโลกในเวลานี้”

 

ถุงมือยางทางการแพทย์ เป็นที่ต้องการสูง เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2020 แบบเดียวกับชุดป้องกันเชื้อที่เรียกกันว่า ชุดพีพีอี ประเทศที่มีวัตถุดิบล้นเหลือ และมีโรงงานผลิตไนไตรล์ที่ได้มาตรฐานระดับโลกอย่างไทย หรือมาเลเซีย รับอานิสงส์นี้ไปเต็มๆ เพราะความต้องการสูงชนิดทำขายกันไม่ทัน

แต่ความต้องการสูงทั่วโลกที่ว่านี้ ก็กลายเป็นช่องทางให้คนระยำกลุ่มหนึ่งทำมาหากินกับเรื่องนี้ได้โดยไม่อับอายขายหน้าลูก-หลาน

“แพดดี้เดอะรูม” คือตัวอย่างหนึ่งของบรรดาบริษัทที่สร้างความระยำระดับโลกในครั้งนี้

ถุงมือไนไตรล์ เป็นที่ต้องการมากขนาดที่ทำให้พวกมันสามารถเรียกร้องให้ชำระเงินเต็มจำนวนก่อนการจัดส่งได้ แทนที่จะเป็นการจ่ายครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยจ่ายอีกครึ่งเมื่อตรวจรับสินค้า อันเป็นกระบวนการซื้อ-ขายปกติธรรมดา

ปลอมกันยันใบรับประกันคุณภาพสินค้า ที่ออกโดยบริษัทให้บริการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่มีชื่อเสียง มีตัวตนจริงๆ แต่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องข้องแวะใดๆ กับขบวนการระยำนี้แต่อย่างใด

ใบรับประกันคุณภาพปลอมที่ว่านี้ ช่วยให้ไม่ต้องมีการตรวจสอบสินค้าระหว่างขั้นตอนพิธีการต่างๆ เพราะผู้ซื้อเชื่อมั่น ทำให้มหกรรมลวงโลกนี้สะดวกดายมากขึ้นไปอีก

แต่เมื่อถึงตอนได้รับสินค้ากันจริงๆ จังๆ ก็กลับเป็นถุงมือยางมือสอง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ “ขยะ” เพราะนำไปใช้ไม่ได้ อย่าว่าแต่จะนำไปขาย ไม่มีแพทย์ ไม่มีบุคลากรสาธารณสุขที่สติสัมปชัญญะปกติจะทำอย่างนั้น เพราะไม่เพียงเป็นอันตรายต่อตัวเอง ยังเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย คนไข้ ที่รอคอยรับความช่วยเหลืออยู่

เป็นการทำลายอุตสาหกรรมถุงมือยางทางการแพทย์ของไทยทั้งระบบอย่างเลือดเย็นที่สุด

 

ซีเอ็นเอ็นบอกว่า ในราวเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งเรื่องนี้เกิดแดงขึ้นมาเป็นครั้งแรกนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่า มีบริษัทจากไทยส่งถุงมือยางมือสองนี้ไปขายให้กับสหรัฐอเมริกาเกือบๆ 200 ล้านชิ้น

แต่ตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ ยังคงมี “ถุงมือยางมือสอง” ส่งไปยังสหรัฐอเมริกาอีกมากถึง 28 ตู้คอนเทนเนอร์ เป็นจำนวนถุงมือยางมากกว่า 80 ล้านชิ้น

ซีเอ็นเอ็นระบุว่า องค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย ออกกวาดล้างจับกุม “โรงงานผลิตถุงมือยางไม่ได้มาตรฐานและบรรจุถุงมือยางใช้แล้ว” ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างน้อย 10 ครั้งในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา

ไม่นับรวมกับครั้งแรกที่ไปจับกุมโรงงานที่ว่านั้นได้ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา

สุภัทรา บุญเสริม เจ้าหน้าที่ อย.ไทย บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ตราบใดที่ความต้องการยังสูง คนเหล่านี้ก็ยังพยายามหาช่องทางก่ออาชญากรรมของตัวเองไปเรื่อยๆ ด้วยการหาแหล่งผลิตแหล่งบรรจุใหม่

สุภัทราบอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ยังคงมีเครือข่ายของคนและบริษัทที่ฉ้อฉลในเมืองไทย ทำงานร่วมกันเพื่อทำกำไรจากความต้องการถุงมือไนไตรล์ของโลก หนึ่งในจำนวนนั้นคือ สกายเมด ซึ่งเป็นของบริษัทที่บริหารโดย “อดีตนายทหาร” ของไทยรายหนึ่ง เจ้าหน้าที่พบกล่องบรรจุถุงมือยางของสกายเมดในการบุกจับโรงงานของแพดดี้เดอะรูม ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

 

หลังสุด เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาสั่งการให้จัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก็มีรายงานข่าวปูดออกมาว่า บริษัทลวงโลกอย่างนี้มีไม่น้อยกว่า 50 บริษัทในเมืองไทย

จะมีกี่บริษัทไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คืออุตสาหกรรมถุงมือยางของไทยพลิกฟื้นกลับมาได้ ก็ต่อเมื่อบริษัทเหล่านี้ถูกกวาดล้างจนหมดเกลี้ยง

ไม่ปล่อยให้ทำมาหากินบนความเป็นความตายของคนอื่นๆ ทั่วโลกแล้วเท่านั้น