หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๔)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๔)

 

โควิดทำให้เกิด

Old Normal

New Normal

ที่น่าคิดคือ ดูเหมือนมนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่สนใจนิวนอร์มอล มันเป็นเพียงอะไรชั่วคราว สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ขออีกสักพัก พวกเขาก็พร้อมจะกลับไปสู่โอลด์นอร์มอล

ทุกวันนี้ยังไม่ทันไรเลย ผู้คนก็ร่ำร้องจะเปิดประเทศ จะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม ร้านอาหารต้องการเปิดเหมือนเดิม โรงแรมเปิดกิจการเท่าเดิม สายการบินมีกิจการแบบเดิม บริษัทท่องเที่ยวเปิดบริการแบบเดิม และผู้คนก็ท่องเที่ยวตามเดิม การกีฬาแข่งขันกันเท่าเดิม

ผู้คนยังเข้าคิวจะไปทำพาสปอร์ต ทำวีซ่า อยากออกต่างประเทศเหมือนเดิม

นี้คือความประหลาด New Normal ไม่มีความหมาย เป็นเพียงภาพลวงตา มนุษย์พร้อมจะตาย พร้อมจะทำให้โลกนี้วิบัติ ขอเพียงได้กลับไปสู่ Old Normal

มนุษย์ไม่สนใจ ไม่แยกแยะ ว่าสองสิ่งนี้ต่างกันอย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครยอมเสียหาย ไม่มีใครยอมเสียสละ ไม่มีใครต้องการคิดไกล ทุกคนต้องการเป็นแบบเดิม

คนที่เคยท่องเที่ยว ช่วงโควิดไปไหนไม่ได้ มีอาการลงแดง เหมือนคนอดเหล้าอดบุหรี่ หรือคนอดยา มีอาการทุรนทุราย

 

แม่น้ำร้อยสาย ไหลมารวมกัน จุดหมายเดียวคือการโค่นล้มประยุทธ์ ส่วนหนึ่งมาจากความผิดของเขา

แต่ส่วนหนึ่งไม่ใช่

มันมาจากความผิดของฝ่ายที่รักประชาธิปไตยเอง

ตรงนี้ที่ยาก หากไม่คิดอะไร เพียงไหลไปตามกระแส ก็ไม่มีอะไร ชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยความเกลียดชัง ด้วยความเมามัน สนุกดี

แต่หากคิด จะพบว่าชีวิตนี้น่าสนใจ ทุกจุดมีความหมาย แต่ขณะเดียวกันมันก็ยากเหลือเกิน

ยกตัวอย่างง่ายๆ TV ช่องหนึ่งสมัยก่อนฉันเคยชอบพวกเขา ด้วยเห็นว่ามีความคิดที่ดี มีความก้าวหน้า

แต่วันนี้ ไม่จำเป็นต้องลงลึก แค่ฟังเสียง ก็ทนพวกเขาไม่ได้แล้ว มันเป็นเสียงการอ่านข่าว การวิเคราะห์ข่าว เต็มไปด้วยอคติ ความชิงชัง

มันเป็น Old Normal มันสูญเสียตัวเองจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

ก่อนจะลงไปที่คำพูด ผ่านเสียงก่อน ทุกวันนี้ มีคนที่พูดดีไม่กี่คน ส่วนใหญ่เตลิดเปิดเปิง ไปไกล แต่ไม่มีเหตุผล หากแต่พวกเขาไม่รู้สึกตัว บางคนบิดเบี้ยว พลิ้วไหว กลายเป็นเพียงโวหาร

แต่เสียงแห่งความเกลียดชังเหล่านั้น รบกวนจิตใจของฉัน

ฉันไม่คิดว่า เวลานี้ฉันต้องการความเกลียดชัง

 

New Normal คือการ Reset สังคมมนุษย์นี้ใหม่ เหมือนคอมพิวเตอร์ที่สกปรก รกรุงรัง มากมายไปด้วยสิ่งไม่จำเป็น ความฟุ่มเฟือย ไวรัสนานาชนิด มันกำลังรอคอยการ Reset แต่ทว่าการกระทำดังกล่าว คงทำไม่ได้ เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ต้องการแต่ Old Normal พวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

การ Reset นี้คงเกิดขึ้นไม่ได้ นอกเสียจากว่า จะถูกบังคับแบบถล่มทลาย มนุษย์ต้องล้มตายหนึ่งในสามของโลก หรือมากกว่านั้น จึงอาจเกิดขึ้นได้

โควิดนี้ขนาดเรียกได้ว่าเป็นวิกฤตการณ์ราคาแพงมากแล้ว แต่หากจะมาเปลี่ยนมนุษย์ ก็ยังถูกเกินไป ของจริงต้องแพงกว่านี้เป็นร้อยเท่า พันเท่า

ยกตัวอย่าง ตัวฉัน ในสิบปีนี้ ฉันจะไม่ไปต่างประเทศเลย หรือหากจะไป อย่างมากก็แค่ปีละครั้งหรือสองครั้ง และที่ไปก็ต้องมีเหตุผล ที่เป็นเช่นนั้น แปลกที่ว่า ไม่ใช่เพราะว่าฉันกลัวโควิด

ในทางตรงข้าม ฉันไม่ได้หวาดกลัวโควิดเลย ฉันเปลี่ยนแปลง เพราะเรื่องของโครงสร้างในโลกนี้ มันเป็นเรื่องลึกซึ้งของโครงสร้างมนุษย์และสังคม

มันคือ New Normal ของจริง

 

สําหรับฉัน โควิดเกิดจาก

การติดต่อกันภายในครอบครัว

การติดต่อทางคลัสเตอร์

คำว่าคลัสเตอร์นี้ ที่จริงมันอาจเป็นที่ไหนก็ได้ อาจเป็นหมู่บ้านใด ตำบลใด อาจเป็นตลาดใด ห้างร้านใด หรืออย่างโรงเรียนแห่งนี้ หากมีคนติดโควิดหลายคน มันก็กลายเป็นคลัสเตอร์ เท่ากับว่าโรงเรียนนี้คือหนึ่งคลัสเตอร์ โรงงานใดมีคนติดโควิดหลายคน มันก็กลายเป็นหนึ่งคลัสเตอร์ การที่คนไทยมีจำนวนผู้ป่วยแต่ละวันเพิ่มขึ้น ก็เพราะคลัสเตอร์กำลังเพิ่มทวีขึ้น จากหลักสิบเป็นหลักร้อย หรือจากร้อยเป็นพัน คนไทยสามารถติดโควิดจากหลักพัน กลายเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน

แต่ฉันก็ไม่รู้สึกกลัวอยู่ดี ไม่มีเลย

จริงอยู่ คลัสเตอร์เกิดที่ไหนก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในทุกที่

หากเราตัดสองข้อบนออก โอกาสที่คนเราจะติดโควิดมีน้อยกว่าน้อย น้อยเกือบเป็นศูนย์ นี้คือความลึกซึ้ง คนที่เข้าใจก็คือเข้าใจ คนที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ ฉันเองก็นึกไม่ออกว่าจะอธิบายยังไง

๑๐

ทำไมคนข้างนอกมีอาการหวาดกลัวมากขนาดนั้น มีอาการปากคอสั่น มันเกิดอะไรขึ้นหรือ ฉันถามตัวเอง ก็ต้องตอบว่า พวกเขากลัวตาย

แต่ทำไมคนเราต้องกลัวตายถึงขนาดนั้นด้วยนะ ฉันผิดเหตุผลหรือมนุษย์ข้างนอกผิดเหตุผล

ประเด็นนี้ฉันคิดหนัก และตอบไม่ได้

 

๑๑

ฉันเคยเสนอความคิดมาตั้งนานมาแล้ว สมัยหลังเลือกตั้งใหม่ๆ ว่าให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ให้พรรคภูมิใจไทยเป็นรองนายกฯ ให้พรรคเล็กๆ หลายสิบพรรคมารวมกันเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล และให้พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน หากแต่เป็นฝ่ายค้านที่สนับสนุนรัฐบาลนี้ เพื่อเป็นทำนบกั้นพรรคพลังประชารัฐและกลุ่ม ส.ว.ออกไป

มันเรียบง่ายแค่นี้เอง รัฐบาลนี้จะอยู่ครบสี่ปีหรือไม่ ก็มาดูกัน หากได้ก็ไม่แปลก ครบสี่ปีแล้วก็เลือกตั้งใหม่ หากบริหารไม่ดี ทำงานไปสักสองปี ก็มาเลือกตั้งใหม่ ก็ยังได้

๑๒

แต่มันไม่เกิดขึ้น เพราะความเกลียดชัง ความกินใจส่วนตัวของแต่ละพรรค

มันเหนือยิ่งกว่าความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการเสียอีก

อันนี้น่าตื่นตะลึง ความจริงเหนือกว่าสภาวะกวี ความจริงเหนือกว่าอุดมคติ Old Normal มันร้ายเหลือ มันเอาชนะได้ทุกอย่าง มันต้องถูกกวาดล้างด้วยพลังที่มหึมา

มันต้องเจ็บปวดกว่านี้หลายสิบเท่า