“สายป่าน” กับ 16 ปีในเส้นทางบันเทิง ที่มีทั้งเรื่องที่ “พอใจ” และเรื่องที่ “ไม่แฟร์”

มีผลงานในวงการบันเทิงมาแล้วแทบทุกแขนงตลอดระยะเวลาที่โลดแล่นอยู่ในวงการมาเป็นเวลา 16 ปี ทั้งพิธีกรรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ โฆษณา มิวสิกวิดีโอ ละคร รวมไปถึงซีรี่ส์

แถมชื่อสายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข ก็ยังเป็นที่รู้จักตั้งแต่อายุ 13 ปี ได้รับการยอมรับในเรื่องของฝีมือการแสดง ขึ้นเวทีรับรางวัลมานับครั้งไม่ถ้วน

นอกจากนี้ยังสำเร็จการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต เกียรตินิยมอันดับ 2 เลยทีเดียว

ซึ่งการที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะได้รับทั้งหมดนี้ตั้งแต่ยังเยาว์นั้น หลายคนอาจจะเป็นห่วงในเรื่องของความหลงลอยไปกับชื่อเสียงเงินทอง แต่ในความเป็นสายป่านนั้น เธอกลับบอกว่า “ไม่เคยเลย”

แต่กลับเป็นคนเรียบง่ายที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการละลายอัตตาของตัวเองอยู่เสมอ

“ด้วยความที่ป่านเป็นป่าน โดนกดดันเยอะมาตั้งแต่เด็ก” จึงทำให้ตนต้อง “สำเหนียก” ว่าตัวเองเป็นใครตลอดเวลา

ขณะเดียวกันก็มองไปถึงอนาคตว่า หากทำตัวลืมตนให้คนระอา วันข้างหน้าอาจไม่มีงานให้ทำ

“มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะทำตัวแบบนั้น การทำตัวให้ผู้ร่วมงานอยากแชร์กับเรา หรือรู้สึกว่าเฟรนด์ลี่ มันดีกว่าเขาจะเกลียดเรา”

และไม่มีเหตุผลจะทำตัวให้ใครต้องเกลียด

รวมไปถึงการปลูกฝังมาจากแม่ที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดว่า

“เวลาไปไหนก็ไปกับแม่ เลยไม่รู้ว่าจะเหลิงใส่ใคร เพราะว่าแม่อยู่ด้วยตลอด”

และหากวันหนึ่งมัวแต่มานั่งคิดว่าฉันคือสายป่าน “เราเองก็เหนื่อย แล้วเราจะเกลียดตัวเอง”

“เป็นตัวเองแบบนี้สบายจะตาย ทุกวันนี้ก็ออกไปซื้อของ ใช้ชีวิตปกติ ไปไหนได้หมด ยังเดินตลาดตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้”

นอกจากชื่อเสียงแล้ว ก็ย่อมมาควบคู่กับข่าวคราวที่มีทั้งด้านบวกและลบอยู่เสมอ หากถามถึงข่าวแรงๆ ที่กระทบจิตใจ เธอบอกว่า “ไม่ได้สนใจ”

เพราะคนที่เสพข่าวนั้นเป็นคนภายนอกที่ไม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเธอ

“ป่านไม่สนใจคนที่ตัดสินป่านจากภายนอก หรือจากข่าว”

“ดังนั้น ป่านมีความสุขแค่ตอนที่ป่านอยู่บ้าน เพราะทุกคนรู้จักป่าน อันนั้นคือวิธีการจัดการกับปัญหาของเราในตอนนั้น”

“ป่านรู้สึกว่าเรามีชีวิตที่ดีและเพอร์เฟ็กต์มาก”

จนมาถึงยุคโซเชียลที่มาพร้อมกับคำวิจารณ์ กระหน่ำด่าอย่างรุนแรงจากใครก็ไม่รู้

“มันไม่ได้เกิดจากการวิจารณ์ของผู้ที่มีความรู้”

“มันเกิดจากที่คนเขาตั้งใจจะบั่นทอนเรา เขาสามารถพิมพ์มาใต้ภาพเรา แล้วเราสามารถเห็นได้เลย”

ซึ่งอันนี้สายป่านบอกว่า “ไม่แฟร์”

เนื่องด้วยไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์มาตัดสิน ครอบครัว หรือพ่อแม่ของตน มันมีผลต่อความให้รู้สึกมาก และก็เป็นสิ่งที่ทำรู้สึกว่ามันไม่จริง เพราะพ่อ-แม่เลี้ยงตนมาดีมาก

“มันเกิดคำถามในตอนนั้นว่า แล้วคุณเป็นใคร? นึกออกไหม”

ก่อนจะระบายความรู้สึกให้ฟังต่อว่า

“ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ มันทำให้เรานึกถึงจิตใจของคนที่มาว่าเราแรงๆ ว่าเป็นต้องเป็นคนแบบไหน สิ่งที่เราเป็น เราทำ มันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น เขาเอาภาพลักษณ์ในงานกับตัวเรามาปนกันหมด”

จนบางครั้งถึงกับแอบรู้สึกว่า หรือที่บ้านตนกับบ้านคนอื่นนั้นสอนไม่เหมือนกัน

“มันสับสนว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ เราควรจะหยุด แล้วทำตามกระแสที่เขาว่าดี”

ถึงที่สุดแล้ว สายป่านที่ตอนนี้อายุ 28 ปี ก็ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับหลายสิ่งก็มายืนถึงตรงนี้ได้อย่างเข้มแข็ง

“เราก็เลือกที่จะเป็นตัวเอง เป็นแบบที่พ่อ-แม่เราภูมิใจ เพราะว่าเขาก็ให้กำลังใจเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็คือเรา และเราก็คือลูกสาวของเขา เขาก็พ่อ-แม่เรา” แค่นี้คือจบเลย

จึงไม่เคยได้เห็นสายป่านในมุมที่ออกมาตอบโต้นักเลงคีย์บอร์ด เพราะเธอบอกว่า “ป่านไม่เคยเชื่อเลยว่า การกระแทกกันมันทำให้อะไรดีขึ้น”

ยังเชื่อว่าการที่คนเข้ามาด่าเป็นเพราะยังไม่รู้จักตัวตนเธอดีพอ เลยอยากทำให้เห็นมุมดีๆ ที่มีเช่นกัน แต่หากอีกฝ่ายจะมองไม่เห็น นั่นก็เป็นเพราะ “เขาต่างหากที่มืดบอด”

“คุณต่างหากที่ไม่ได้เปิดโลก ถ้ามองลึกไม่พอ ก็มองกว้างไม่พอ มีสองอย่าง”

“แต่ว่าทุกวันนี้ป่านไม่โดนแล้วนะ เชื่อว่าเขาคงชินกันหมดแล้วละ คงไม่มีใครถืออะไรแล้ว”

หากถามถึงความต้องการหลังจากนี้ สายป่านก็ตอบมาแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดว่า “เราไม่ต้องการอะไรเยอะ”

“เราไม่ต้องการเงิน เพราะเราไม่ได้ใช้ของแพง”

ณ ตอนนี้เลยขอแค่ได้ทำงานแบบอิสระ ไม่มีสังกัด ทำงานอย่างมีความสุข ได้สนุกกับทุกวันที่ออกมาทำงานและเจอทีมงาน และเพื่อนร่วมงานดีๆ

“อยู่กับเพื่อนเราก็จริงใจ รักกันโดยที่เป็นตัวของตัวเอง เราอย่าเปลี่ยนตัวเรา และอย่าให้เขาเปลี่ยน ต้องเข้าใจในธรรมชาติของแต่ละคน อันนี้คือความพอดีที่เรามีให้เพื่อน”

“ป่านไม่ได้เอาเปรียบใคร แม้เราจะบอกว่าเราตรงแค่ไหนก็ตาม ป่านไม่ได้ดูถูกใคร ป่านแฟร์กับทุกคน”

เลยเป็นความสุขที่เราคิดว่ามัน “พอดี”

“แก่นของมันคือความพอดี รู้จักตัวเอง มีสติ และรู้จักกับปัจจุบัน ณ วันนี้โอเค ถือว่าโชคดีแล้วกันเนอะ”

วินัย-มารยาทคือสิ่งสำคัญ

เป็นนักแสดงอิสระที่มีผลงานตลอด งานนี้ สายป่าน อภิญญา เลยแอบเผยเคล็ดไม่ลับที่ทำให้ใครๆ ก็อยากให้เธอไปร่วมงานด้วยว่า

“เราต้องมีวินัย นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

รองจากนั้นคือ “มารยาทก็สำคัญ รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ ตรงต่อเวลา และซื่อสัตย์กับอาชีพ”

“เขาจ้างคุณมาราคานี้แล้วเขาจะไม่เสียใจ เขาได้งานที่ดี คุณก็ถูกจ้างต่อ”

แต่ถ้าหากเป็นคนเรื่องเยอะ นักแสดงคนอื่นในราคาเท่าๆ กันก็มีให้เลือกอยู่ถมไป

“แล้วเขาจะจ้างเราทำไม”

เพราะฉะนั้น ต้องสร้างคุณภาพให้ตัวเอง ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ทำให้มันดีขึ้นไป

“วันหนึ่งเราจะลอยตัวอยู่ชัดกว่าคนอื่น เขาเลือกใช้เรา”

“ถ้าเราไม่ทำตัวดี ไม่พัฒนา เราก็อยู่ต่ำกว่าคนอื่น”

หากเป็นอย่างนั้น ใครกันจะเลือกมาร่วมงาน จริงไหม?