เป็นหนังที่หลายคนรอคอยและจับตา
ว่าค่าย GDH (GTH เดิม) จะกลับมาทวงบัลลังก์
ความขลังและน่าติดตามของ “หนังผีไทย” ได้หรือไม่ ?
หลังจากก่อนหน้านี้ ค่ายนี้ห่างหายไปนานกับการทำหนังแนวนี้

จนมาถึงวันนี้  “เพื่อนที่ระลึก” ที่“จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์” อดีตผู้กำกับหนังผี “ลัดดาแลนด์” ได้ออกสู่สายตา หลายเสียงจากคนดูรอบสื่อมวลชนก็ถือว่าให้คะแนนกันหลากหลายมาก วิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนานา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมุมมองของแต่ละบุคคลไป

ซึ่ง เกริ่น ขออนุญาตเล่าความรู้สึกนึกคิด ถึงสิ่งต่างๆที่ “ระลึก” ได้หลังจากดูหนัง โดยที่ไม่มีการสปอยหรือการจงใจให้คะแนนอะไรนะครับ จนกว่าทุกท่านจะได้ไปพิสูจน์ เอง จึงของยก 8 สิ่ง ที่รู้สึกมาเล่าแล้วกันครับ

ว่าแต่ทำไมต้อง 8  เพราะ10จะยาวไปนั่นเอง 55+ (ไม่หรอกมีเหตุผลอยู่แต่ไม่บอก)

1.ไอเทมที่คิดถึง
ความรู้แรกคือเป็นหนังที่ใช้ “สัญลักษณ์” ของคนที่ผ่านการใช้ชีวิตในช่วงปี40 ไว้อย่างเยอะมากๆๆๆ
ซาวน์เบาท์ / เพจเจอร์ / รูปถ่ายจากตู้สติ๊กเกอร์
ไอเทมเหล่านี้ หลายคนคงได้สัมผัสและมีความทรงจำร่วมมาบ้าง ถือว่าหนังพยายามดึง “ภาพจำ”ของความทรงจำของคนที่ผ่านยุคนั้นมาอย่างเยอะ ซึ่งหลายคนคงคิดถึง แต่ก็ไม่ใช่แค่การหยิบมาใช้ฟุ่มเฟือย มีการใช้เพืินำไปสู่อะไรได้บ้างเหมือนกัน

2.เทคโนโลยีปัจจุบัน
แม้ว่าในหนังเพื่อนของนางเอก ตายไปแล้วร่วม20ปี และเธอเคยใช้เพียงแค่ไอเทมยุคปี2540แต่ผู้สร้างพยายามสร้างความรู้สึกว่ามีผู้ตามหลอกหลอน โดยผ่านอุปกรณ์เครื่องมือและสิ่งประดิษฐ์ในเทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน ก็มาเยอะพอสมควร ซึ่งต้องไปดูเองว่าเขาใช้ “อะไร” ในหนังบ้าง แล้วอาจจะรู้สึกว่า “แบบนี้ก็มีด้วย(หรอ)”

3.นักแสดงนำ คือ “ตึก(สาทร)”
นี่คือสโลแกนที่ทีมโปรโมทหนังใช้โฆษณามาตั้งแต่แรก
อาคารร้างภายนอกที่ดู”ยิ่งใหญ่” แต่ภายในที่ “ฝัง” ไปด้วยเรื่อง ที่ไม่อยากจำ

ตึกแห่งนี้ ต่างจากตึกร้างอื่นๆตรงที่ ทุกวันนี้ยังมี “อิทธิพล”ต่อความทรงจำที่เลวร้ายของผู้ที่เคยโดนมรสุมเศรษฐกิจ ปี2540มา คนเคยทำงานมั่นคงก็ต้องออกไปค้าขาย เปิดท้ายรถ นำสิ่งของทรัพย์สมบัติมาขายเพื่อเลี้ยงชีพในยามที่ “ทุกคนไม่ทันตั้งตัว”ในเวลานั้น

นักแสดงนำ “น้องตึก” เองก็ถือว่า เป็นตัวหลักจริงๆ มีภาพที่ผู้สร้างพยายามวาดหวังให้เห็นตั้งแต่ยุคกำลังเติบโต ยุคที่ตาย และยุคที่กำลังจะฟื้นคืนชีพ เราจะเห็นความแตกต่างและอดคิดไม่ได้ว่า “ถ้าวันนึง ตึกนี้ได้กลับมามีชีวิต” อีกครั้งบนทำเลทองตรงนั้น จะเป็นอย่างไร

4.เพลงเดียวดายกลางสายลม

เอาจริงๆมันฟังแล้วก็ “รู้สึกหลอน” จริงๆ อารมณ์อ้างว้างๆเคว้งๆ ช่างเหมาะกับหนังเรื่องนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่เรา(อาจจะ)รู้สึกคิดไปเองว่ามันน่าจะถูกใช้ได้อย่างทรงพลังมากกว่านี้ เพราะด้วยเพลงและดนตรีมันได้อารมณ์อยู่แล้ว ส่วนตัวยังรู้สึกใช้น้อยไปนิด มีของดี ก็ต้องใช้ให้คุ้ม!

ซึ่งอดคิดไม่ได้ในหลายซีนว่า ตกลงแล้ว “อิ๊บ กับ บุ๋ม” นี่รักกันมากเลยใช่ไหม ถ้าในสมัยนี้ก็เรียกว่า “จิ้น” อะไรทำนองนั้นได้หรือเปล่า หรือ แค่เพื่อนรักทั่วๆไป

5.ผีหน้าเละ-ผีตุ้งแช่

หลายคนมักชอบหรือไม่ชอบ ที่จะมีนักแสดงหรือซีจี ผีที่จะโผล่มาแบบหน้าเละๆ หลอนๆ

แต่เรื่องนี้สามารถบอกได้ว่าแตกต่างจากหลายๆเรื่อง (แม้กลางวันก็กลัวได้55+) แต่คนที่คาดหวังจะให้ ตุ้งแช่ๆๆ ก็อาจจะผิดหวัง

ส่วนสิ่งที่มาทดแทนก็อย่างที่บอก คือ “ไอเทม” และ “เสียง” “ความมืด” มันก็ถูกดึงไปใช้สร้าง “ความกลัว”

6.น้องหม่อน

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่อาจจะไม่ได้ถูกโปรโมทแต่เป็นตัวสำคัญเหมือนกัน

ผู้คนในโรงรอบสื่อทั้งสงสาร ทั้งกรีี๊ดทั้งฮา หลายอารมณ์ในช่วงที่มี “น้องหม่อน” แสดง

โดย “ภาพจำ” น้องหม่อนยังจำได้ง่ายกว่า “บี น้ำทิพย์ – ลูกสาว” อีก

7.ความเหลื่อมล้ำ

อันนี้คนที่สนใจประเด็นความเหลื่อมล้ำประเด็นเศรษฐกิจ , ทุนนิยม ก็จะเห็นและคิดตามได้ในหลายๆซีนไม่มากก็น้อย ทุกวันนี้ความแตกต่างในหนทางชีวิต ดูแค่เฉพาะในเมืองกรุงก็ยิ่งมีมาก นี่ถ้าไปดูเรื่องนี้ก็จะเห็นภาพเหล่านั้น (บ้าง) อาทิ อย่างครอบครัว “น้องหม่อน” ที่ว่านี่ก็ชัดสุดในประเด็นที่ ชีวิตที่ไม่ได้มี “โอกาส”หรือ “ทางเลือก”มากนัก ครอบครัวของผู้ตายก็เช่นกัน

อีกหนึ่งสิ่งคือ ช่วงแรกๆของหนังก็ดึง “ภาพจำ ปี 2540 ” เหมือนอินโทรในหนังสารคดี หรือ ข่าวดังข้ามเวลาอะไรประมาณนั้น ที่หยิบเอาภาพข่าวเหตุการณ์จริง หรือ หน้าหนังสือพิมพ์ยุคนั้นมาใช้ปูเรื่อง แต่เสียดายที่ปูมา(เหมือนจะ)ดี แต่ว่าไม่ได้ถูดบดขยี้อย่างที่พยายามโปรโมทเท่าที่ควร

8.คำสัญญา

อันนี้เป็น “ปม” หลักของหนังก็ว่าได้ อะไรมันจะ “ทวง” คำสัญญากันปานนั้น

แต่สิ่งที่รู้สึกได้คือ ทุกวันนี้คนในสังคม “ทุกระดับ” ให้ความสำคัญกับ “คำสัญญา” น้อยลงไปทุกวันๆ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แม้ว่าบางสัญญาที่ไม่ได้ถูกผีตามหลอกเหมือนในหนัง แต่ทำไมคนถึงพูดกันส่งๆลอยๆกัน มันไม่สำคัญหรา!!!

ส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คนยุคปัจจุบันมีอะไรให้ทำเต็มไปหมด เทคโนโลยีที่รวดเร็วการอดทนรอ การตั้งใจทำอะไรมีตัวช่วยตัวเสริมเข้ามามาก แต่ความมั่นคง ของสิ่งที่รับปากไว้กลับถูกเลื่อนหรือลดทอนคุณค่ากันไป

ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับหนังแต่ก็เกี่ยวนะ 555+

ใครคิดจะไปดูไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง หนังเข้า 7 กันยายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์นะครับ

////////

ไม่มีคะแนนให้ แต่ตลอดเกือบ 2ชม.ของหนัง

ถ้า “ใช้ความรู้สึก” ให้เต็ม4ห้องหัวใจคนเรา ในสามประเด็นหลักว่าสามารถเข้าไปกินใจกี่ห้องหัวใจ ก็ ตามนี้

ระดับความน่ากลัว ***

ระดับความน่าติดตาม ***

ระดับความเศร้าโศกชวนเสียน้ำตา **

ติดตาม “เกริ่น” (รีวิวที่ไม่ใช่รีวิว) ทั้งหนัง คอนเสิร์ต เพลง ละครเวที ซีรีย์ ความบันเทิง ไลฟ์สไตล์ และสิ่งที่น่าสนใจต่างๆได้จากนี้ไปครับ #เกริ่น