เชิงบันไดฯ : ปฏิวัติจักรดาว ! แรงบีบ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์ – ฮ่องกงเอฟเฟกต์’ ระวัง ‘แผนเผชิญเหตุไฟนอล’ ?

ความเคลื่อนไหวของกองทัพล่าสุด นำโดย ‘บิ๊กกบ’พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด (ตท.18) ถือเป็นแอคชั่นที่สคัญตรงๆ เพื่อสื่อสารไปยังอดีตนายกฯทักษิณ หลังผ่านเหตุการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ 2 เหตุกาณ์ที่ผ่านมา รวมทั้งปรากฏการณ์ ‘ฮ่องกง เอฟเฟกต์’ ด้วย
.
ที่ผ่านมาบทบู้นี้จะเกิดกับ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.และเลขาธิการ คสช. (ตท.20) ฝ่ายเดียว แต่ล่าสุด ‘บิ๊กกบ’ ได้นำ ‘บิ๊กณัฐ’พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม และผบ.เหล่าทัพ แถลงข่าว ภายหลังการร่วม ฝึกซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารค ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และภายหลังจากการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร ที่ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 11 ฯ (ทม.ร.11 รอ.)

โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ ได้เตรียมตอบคำถามและชี้แจงในทุกเรื่อง โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 2 ช่วงที่ผ่านมา หลังหลีกเลี่ยงการนำ ผบ.เหล่าทัพ มายืนแถลงข่าวร่วมกันมาถึง 2 ครั้ง หลังการประชุม ผบ.เหล่าทัพ แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแต่ละฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างไม่แทงกั๊กใดๆมากขึ้น การออกมาของกองทัพครั้งนี้ จึงเป็น ‘สัญญาณแรง’ ที่อย่าได้มองข้าม เพราะจะเป็นภาพฉายสถานการณ์การเมืองในอนาคตได้ไม่น้อย
.
ภายหลัง คณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่า ร.ร.เตรียมทหาร มีมติถอดชื่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ตท.10 ออกจากการเป็นศิษย์เก่าเตรียมทหารดีเด่นและเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว ที่ได้รับเมื่อปี2534 ด้วยเหตุผลสืบเนื่องจากที่ ‘ทักษิณ’ เคยถูกถอดยศทางตำรวจ โดยคำสั่ง ‘หัวหน้า คสช.’ ผ่านอำนาจ ม.44 เมื่อปี58 แม้ดูผิวเผินอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากจับนัยนะถึงห้วงเวลาที่มา ‘ถอดชื่อ’ ในช่วงนี้ รวมมองสิ่งที่ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวถึงพฤติกรรม ‘ทักษิณ’ ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไม่สามารถรักษาเกียรติของศิษย์เก่าเตรียมทหารไว้ได้ ทั้งในเรื่องของ ‘ความจงรักภักดี-ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง’ อีกทั้ง ‘มาตรฐานทางจริยธรรม’ ที่ทหาร-ตำรวจและคนไทยพึ่งมี

“ศิษย์เก่าเตรียมทหารก็เป็นทหารและตำรวจ เช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ที่มีมาตรฐานทางจริยธรรม โดยเฉพาะมาตรฐานในความจงรักภักดี ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือ จะรู้และระมัดระวัง ไม่ล่วงเกินทางใดทางหนึ่ง ผู้ใดล่วงละเมิดล่วงเกิน อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ไม่รู้ว่าอะไรสูงอะไรต่ำ มาตรการทางใดทางหนึ่ง อันนี้ก็จะเป็นมาตรฐานที่คนไทยทุกคนพึ่งปฏิบัติ” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
.
ที่สำคัญการ ‘ถอดชื่อ’ ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังปรากฏการณ์ ‘ฮ่องกงเอฟเฟกต์’ ด้วย แม้ ‘บิ๊กกบ’ จะปฏิเสธถึงความเชื่อมโยงนี้ก็ตาม โดยชี้ถึงการได้มาซึ่งข้อมูล และดำเนินการตามขั้นตอน เพราะเรื่องการ ‘ถอดยศ’ มีมาตั้งแต่ปี58 อีกกระแสก็ทำให้มีความกังวลต่อท่าทีของกองทัพครั้งนี้ด้วย เช่นครั้งที่ ‘บิ๊กแดง’ เคยนำ ผบ.หน่วยคุมกำลังกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน
.
“ไม่ครับ ก็เป็นเรื่องทั่วๆไป เมื่อมีข้อมูลมาถึงจุดๆหนึ่ง ที่ต้องดำเนินการอย่างไร เราก็เลือกระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่อยากให้ส่งผลกระทบไปเรื่องในการเมือง”พล.อ.พรพิพัฒน์ ระบุ
.
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ‘บิ๊กแดง’ เคยกล่าวโจมตีกลุ่มการเมืองที่ออกเคลื่อนไหว พุ่งไปที่พรรคเพื่อไทยและแนวร่วม ถึงปรากฏการณ์ ‘เพลงหนักแผ่นดิน’ ที่ ‘บิ๊กแดง’ สะท้อนออกมา เชื่อกันว่าไม่ใช่แค่หมายถึงเรื่องข้อเสนอปฏิรูปกองทัพเท่านั้น แต่ลากยาวไปในหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นจาก ‘ขั้วทักษิณ’ พร้อมทั้งการเปิดเพลงปลุกใจทหาร ที่มีเพลงหนักแผ่นดิน ในรั้ว ทบ. เพื่อปลุกศักดิ์ศรีทหาร ให้สำนึกรู้หน้าที่ด้วย ในช่วงที่กองทัพตกเป็นเป้าและกระแสข่าวลือ ‘รัฐประหารซ้อน-ปฏิวัติซ้ำ’ มาแรง

ต่อด้วยปรากฏการณ์ หลังจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อดีตผบ.ตร. (ตท.8) ได้ต่อว่านายทหารที่ไปติดตามขณะลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ทำให้ ‘บิ๊กแดง’ ได้ออกแอคชั่นสำคัญตามมา ก่อนการประชุมหน่วยขึ้นตรง ทบ. วาระพิเศษ ได้นำ ผบ.หน่วยคุมกำลัง กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 โดยมีถ้อยความสำคัญ อยู่ที่ข้อ 2 ที่ผ่านมือ ‘บิ๊กแดง’ ซึ่งตรงกับ 7มี.ค. ที่ศาลรธน. มีมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในกรณีการเสนอชื่อ ‘แคนดิเดทนายกฯ’ ด้วย ทำให้เป็น ‘เอฟเฟกต์’ ต่อเนื่องกันตั้งแต่เช้าถึงบ่าย
.
“ข้าพเจ้าในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะสนับสนุนรัฐบาลที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความจงรักภักดี และมีธรรมาภิบาล”
.
จึงทำให้พอเห็น ‘ชะตากรรม’ ของ ‘ทักษิณ’ นับจากนี้ไม่น้อยในระยะยาวๆ ที่จะต้องเผชิญ รวมทั้งโอกาสที่จะได้กลับประเทศไทย ที่ยิ่งเลือนลาง แต่หากกลับมาได้ก็ต้องมี ‘อภินิหาร’ อีกทั้งเห็นเค้าลางหาก ‘พรรคเพื่อไทย-แนวร่วม’ กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง พร้อมกันนี้ทำให้กระแส ‘รัฐประหาร-ปฏิวัติ’ ออกมาอีกครั้ง หลัง ผบ.ทหารสูงสุด นำ ปลัดกลาโหม-ผบ.เหล่าทัพ แถลงข่าวร่วมกัน แต่ในเวลานี้ ‘บิ๊กกบ’ ก็ขอว่าอย่ามองลบ จบไม่สวย โดยเชื่อว่าจะมีการตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้ พร้อมย้ำถึงการได้มาซึ่ง ‘คนดี’ ในการปกครองบ้านเมืองด้วย
.
“เราอย่าไปตั้งเป้าว่าจบไม่ดี คนไทยต้องคิดบวกเราอุตส่าห์เดินทางตามโรดแม็ปมาถึงขั้นนี้แล้ว จนมีการเลือกตั้ง คะแนนก็ได้ผลการเลือกตั้ง ขอให้ กกต. ประกาศยืนยันผลเป็นทางการทุกอย่างก็จะมีการฟอร์มรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งในที่สุดก็จะสามารถมีรัฐบาลที่ได้เสียงข้างมากจนได้” พล.อ.พรพิพัมน์ กล่าว
.
“เราไม่สามารถทําให้ทุกคนเป็นคนดี แต่เราเลือกคนดีเข้ามาบริหารมีอำนาจได้ แล้วเราทุกคนในสังคมต่างๆ ทหาร ตำรวจพยายามยึดมั่นในแนวปฏิบัติอันนี้ คือ พยายามให้ทุกคนก็ตามที่เป็นคนดี ขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง บังคับบัญชา” พล.อ.พรพิพัมน์ กล่าว

.
“วันนี้ยังมีคลื่นใต้น้ำที่นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อบ้านเมือง ซึ่งอาจเกิดจากความไม่รู้หรือไม่เจตนา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวผ่าน ทีมโฆษกรัฐบาล กล่าว
.
“ไม่อยากให้ มองว่าเป็นการมุ่งเน้นการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว หากแต่เป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อทำความดีให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน และขจัดคนไม่ดีหรือคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายออกไป” สารนายกฯ
.
ทั้งหมดถือเป็น ‘สัญญาณเตือน’ ที่สำคัญของเหล่าทัพ-คสช. ที่มีต่อ ‘ทักษิณ-เครือข่าย’ ที่ผ่านมา ‘บิ๊กแดง’ ไม่เคยรับประกันว่าจะมีรัฐประหารหรือไม่ ? รวมทั้ง ‘บิ๊กกบ’ ที่เคยนิยามไว้เพียงว่า ‘แผนเผชิญเหตุสุดท้าย’ ที่มาสยบกระแสของ ‘บิ๊กแดง’ ที่ตกเป็นข่าวช่วง ต.ค.61เท่านั้น

อีกทั้ง ‘บิ๊กแดง’ ยังเคยกล่าวคำว่า ‘อย่าล้ำเส้น’ ออกมา จึงเป็น ‘สัญญาณเตือนหลายช็อต’ ที่หากต่อจิ๊กซอว์จะเห็นว่า อนาคตหากเกิดความวุ่นวายหรือสภาวะสุญญากาศทางการเมือง อาจได้เห็น ‘มิติลึกลับทางการเมือง’ อีกแบบ ที่ตัวเลือกไม่ได้มีเพียง ‘บิ๊กตู่’ เท่านั้นด้วย หลังมีการพูดชื่ออื่นๆออกมา ทั้งที่เป็นนักการเมืองหรือบุคคลสำคัญต่างๆ เพื่อมา ‘ปลดล็อคการเมือง’ ในอนาต ให้สามารถเดินไปได้ ซึ่งก็ยังคงเป็นเพียง ‘แผนสำรอง-แผนเผชิญเหตุสุดท้าย’ เท่านั้น
.
แต่การออกกมาของ ผบ.เหล่าทัพ-ปลัดกลาโหม ที่ยืนแถลงข่าวร่วมกัน เรียกได้ว่าเป็นการ ‘ปราม-งัดข้อ’ กันระหว่าง ‘ศิษย์เตรียมหหาร’ ด้วยกัน เพื่อไม่ให้เหตุการสุกงอมไปมากกว่านี้ จึงเป็นเพียงการ ‘ปฏิวัติจักรดาว’ ของศิษย์เตรียมหหารเท่านั้น ในเวลานี้